อัคราไมนิ่ง ตั้งเป้าเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ SET ภายในปี 55

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 21, 2011 14:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปกรณ์ สุขุม กรรมการผู้จัดการร บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะนำหุ้นบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 55 โดยให้บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) โดยจะนำหุ้นเพิ่มทุนและบางส่วนจากผู้ถือหุ้นเดิมมาขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) รวมแล้วเบื้องต้นจะเสนอขาย IPO ประมาณ 50% ของทุน เพื่อต้องการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้ามาเป็นเจ้าของเหมืองทองคำ

"หวังว่าเราจะสามารถเข้าตลาดได้ปีหน้า และจะเป็นหุ้น IPO ที่น่าสนใจมาก ด้วยรายได้ที่ทำได้ปีละ 5-6 พันล้านบาท จากทองคำที่ขุดได้ 1 แสนออนซ์ ซึ่งไม่ใช่บริษัทเล็กๆ" นายปกรณ์ กล่าว

บริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท คิงสเกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ในสัดส่วน 48.24% และบริษัท โลตัสฮออล์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทคนไทย ถืออยู่ 51.76% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 512 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท

ทั้งนี้ บริษัทดำเนินการเหมืองทองคำชาตรี ซึ่งอยู่ในอำเภอทับคล้อ จ.พิจิตร และ อำเภอบ้านโป่ง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งทั้งหมดมีเหมืองทองคำ 14 แปลง มีอายุสัมปทาน 20 ปี โดย 5 แปลงแรกได้เริ่มดำเนินการเมื่อปี 43 และ 9 แปลงที่เหลือ เริ่มดำเนินการในปี 51 โดยมีปริมาณสำรองแร่ทองทั้งหมด 1.8 ล้านออนซ์ และ ปริมาณสำรองแร่เงินจำนวน 16 ล้านออนซ์ โดยปัจจุบันสามารถผลิตแร่ทองคำได้ 1 แสนออนซ์ต่อปี และ แร่เงิน 5 แสนออนซ์ต่อปี ซึ่งส่งออกไปฮ่องกงทั้งหมด

นายปกรณ์ คาดว่า รายได้ในงวดปี 54/55 (ก.ค.54-มิ.ย.55) จำนวน 5-6 พันล้านบาท โดยคาดว่าราคาในปีนี้จะอยู่ที่ 1,700-1,800 เหรียญ/ออนซ์ สูงกว่าในงวดปี 53/54 (ก.ค. 53- มิ.ย. 54) ที่มีรายได้ 3.6 พันล้านบาท เนื่องจากขุดได้ทองคำเพียง 6-7 หมื่นออนซ์ และมีกำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทเผชิญกับการถูกฟ้องร้องจากชาวบ้านในบริเวณเหมืองเกี่ยวกับเรื่องฝุ่น เสียง น้ำ จากเหมือง ซึ่งปัจจุบันยังมีคดีค้างอยู่ 1 คดี

นายปกรณ์ ยอมรับว่า เป็นห่วงกรณีที่เกิดคดีต่างๆจะกระทบกับราคาหุ้นได้หากเข้าตลาดแล้ว แต่มั่นใจว่าบริษัททำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งการทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และได้ทำเพิ่มเติมเกี่ยวกับผบกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA)

นอกจากนี้ในงวดปี 55 บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตโดยการสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ที่มีกำลังการผลิต 2.7 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบันโรงงานแรก มีการผลิต 2.3 ล้านตัน/ปี โดยใช้เงินลงทุน 4 พันล้านบาท มาจากเงินกู้ 3 พันล้านบาทและกระแสเงินสดบริษัท 1 พันล้านบาท ส่วนอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ปัจจุบันอยู่ที่ 0.8 เท่า

อีกทั้งบริษัทได้ยื่นขอสำรวจพื้นที่เหมือง 8-9 แสนไร่ บริเวณจ.พิจิตร , พิษณุโลก และ เพชรบูรณ์ กับทางการแล้ว คาดหวังว่าจะได้รับสัมปทานเพื่อสำรวจในเร็วๆนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ