นายวิวัฒน์ กนกวัฒนาวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพ็คฟู้ด (PPC) คาดว่าในปี 54 ผลประกอบการของบริษัทจะกลับมามีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 118.6 ล้านบาท เนื่องจากปีที่แล้วราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับเพิ่มสูงมากผิดปกติ แต่ปีนี้ราคาวัตถุดิบปรับลดลงไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้ในปี 54 จะลดลงจากปีก่อนที่มี 8 พันล้านบาท เพราะปีนี้เน้นขายสินค้าที่มีกำไรดีเท่านั้น
สำหรับในปี 55 หลังการการเข้ามาถือหุ้นของ บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อรายได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิต 200 ตัน/วัน แต่ใช้กำลังการผลิตเพียง 50-60% เมื่อ TUF เข้ามาเป็นพันธมิตรจะทำให้ตลาดกุ้งเติบโตมากขึ้น เพราะ TUF มีช่องทางการตลาดที่ดีทั้งต่างประเทศและในประเทศ นอกจากนี้ PPC ยังมีการผลิตสินค้าสำเร็จรูปพร้อมรับประทานแต่ยังเป็นที่รู้จักน้อย คาดว่าอนาคตจะได้ TUF ส่งเสริมการขายให้เป็นที่รู้จัก
"ดีลนี้คุยกันนานกว่า 1 ปี กว่าจะได้ข้อสรุปแม้ว่าจะอยู่ในวงการและรู้จักกันมานานมาก แต่การตัดสินใจที่จะขายหุ้นถึง 40%ก็จำเป็นทีต้องเลือกคนที่มีนิสัยเข้ากันได้ ซึ่ง TUF ต้องการร่วมทุน การที่เลือก PPC ถือว่าจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก และเราให้ TUF มีที่นั่งบอร์ดครึ่งหนึ่งจากบอร์ด 10 คน"นายวิวัฒน์ กล่าว
ส่วนปัญหาสภาพคล่องของหุ้น PPC กล่าวว่า หากการร่วมทุนของ TUF เสร็จสิ้นแล้ว บริษัทจะศึกษาแนวทางแก้ปัญหาสภาพคล่องที่ปัจจุบันมีเพียง 3% โดยเป็นไปได้หลายแนวทาง ได้แก่ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขายหุ้นออกมา เป็นต้น อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าไม่มีแผนเพิกถอนหุ้น PPC ออกจากตลาดหลักทรัพย์