นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผุ้จัดการ บมจ.ศุภาลัย(SPALI)ยอมรับว่า รายได้ทั้งปี 54 จะต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย แต่ทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิในปีนี้ยังจะทำสถิติสูงสุดใหม่ตามที่เคยคาดการณ์ไว้
สำหรับยอดขายในปี 54 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท หลังจากไตรมาส 4/54 ยอดขายชะลอตัวจากผลกระทบน้ำท่วม โดยเฉพาะจากโครงการแนวราบ ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมยังมียอดขายเป็นปกติ และเป็นช่วงที่บริษัทเปิดขายโครงการคอนโดฯเอกมัย-ทองหล่อ และศุภาลัยปาร์ค-แคลายที่มียอดขายค่อนข้างดี จึงมาช่วยชดเชยยอดขายโครงการแนวราบที่ลดลงไปได้บ้าง
ส่วนในปี 55 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 1.8 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้สูงกว่าปีนี้ราว 1 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 10 โครงการ ส่วนหนึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดตัวมาจากช่วงไตรมาส 4/54 จำนวน 5 โครงการ คือ คอนโดมิเนียมที่รัชดา-ห้วยขวาง 1 โครงการ ส่วน 4 โครงการเป็นโครงการแนวราบ ที่บางบัวทอง, ลำลูกกาคลอง 5, พหลโยธิน 52 และปทุมธานี
นอกจากนั้น โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีหน้ายังมีโครงการที่พัฒนาบนที่ดินถนนรัชดาภิเษกที่จัดซื้อจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยจะพัฒนาเป็น 3 เฟส เริ่มเฟสแรกในปีหน้าเป็นคอนโดมิเนียม 800 ยูนิต ส่วนเฟสที่ 2 จะเป็นโฮมออฟฟิศ และอาคารให้เช่า มีมูลค่ารวม 5 พันล้านบาท ส่วนเฟส 3 เป็นคอนโดมิเนียมเริ่มโครงการในปี 56
และในปี 55 บริษัทตั้งงบจัดซื้อที่ดินจำนวน 2.5-3 พันล้านบาท มีทั้งทำเลในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
"โครงการใหม่ที่จะเปิดในปีหน้า จะมีการรองรับความเสี่ยงน้ำท่วมด้วย เช่นปรับทางเข้าโครงการให้สูงขึ้น สร้างระบบบ่อพักน้ำแบบปั๊มคู่"นายอธิป กล่าว
นายอธิป กล่าวว่า โครงการใหม่ในปีหน้าจะเป็นโครงการในต่างจังหวัด 8-10 โครงการ มูลค่าโครงการละ 700 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นการขยายโครงการใหม่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและชลบุรี ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ต่างจังหวัดในปี 55 เพิ่มเป็น 20% จากปี 54 คาดว่าอยู่ที่ 14%
ทิศทางภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 55 นั้น นายอธิป คาดว่า จะกลับมาฟื้นตัวชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยช่วงครึ่งปีแรกทำเลที่ไม่ถูกน้ำท่วมน่าจะมียอดขายที่ดีขึ้น รวมถึงราคาขายที่สูงขึ้น ส่วนทำเลที่ถูกน้ำท่วมคาดว่าใช้เวลาฟื้นฟู 2 ไตรมาสก่อนกลับสู่ภาวะปกติ
ปัจจัยเสี่ยงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้ายังเป็นเรื่องเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูงกดดันให้ดอกเบี้ยไม่สามารถปรับลดลงได้ ซึ่งหาก ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายทุก 1% จะส่งผลต่อการผ่อนชำระ 8% และจะตัดทอนกำลังซื้อผู้บริโภค รวมถึงต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างที่จะสูงขึ้น ความผันผวนของเศรษฐกิจในและต่างประเทศ ความเสี่ยงทางการเมือง
ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร SPALI กล่าวว่า หลังจากหุ้น SPALI เข้าคำนวณใน SET50 ในหน้าจะทำให้หุ้นของบริษัทเป็นที่รู้จักของนักลงทุนมากขึ้น และสร้างความสนใจให้กองทุนทั้งในและต่างประเทศที่ลงทุนใน SET50 อยู่แล้ว