ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อหนุนดาวโจนส์บวก 4.16 จุด แต่ภาวะซื้อขายซบเซา

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 22, 2011 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายของหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคและกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทออราเคิล คอร์ป ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัท

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 4.16 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 12,107.74 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 2.42 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 1,243.72 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 25.76 จุด หรือ 0.99% ปิดที่ 2,577.97 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน นับเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูงสุดเท่าที่อีซีบีอัดฉีดเข้าสู่ระบบธนาคารในประวัติศาสตร์ 13 ปีของยูโร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1%

แต่แรงบวกในตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากพอที่จะแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรปได้ ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศเตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของอังกฤษ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังและแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษ

นอกจากนี้ การที่บริษัทออราเคิลรายงานผลประกอบการที่น้อยเกินคาด และออกรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะลดงบประมาณการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา และยังฉุดดัชนี Nasdaq ปิดลบด้วย โดยหุ้นออราเคิลดิ่งลง 14% ขณะที่หุ้นไอบีเอ็ม คอร์ป ร่วงลง 3.1%

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวตัวขึ้นในช่วงท้าย เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค และกลุ่มพลังงานโดยหุ้นโคคา-โคลา พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นคราฟท์ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขาย ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นเอ็กซอนโมบิล และหุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้นกว่า 1.3% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงเกินคาดของสหรัฐ

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 4.0% แตะที่ 4.42 ล้านยูนิต แต่ทางสมาคมได้ปรับลดการประเมินยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ลงเหลือ 4.25 ล้านยูนิต จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 4.97 ล้านยูนิต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วย

นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.ในคืนวันนี้เช่นกัน ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ