สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 90,329 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 83,575 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 92% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 6,010 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี 4 ปี และ 8 ปี (LB145B LB155A และLB193A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,946 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 578 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC157A) หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC153A) และหุ้นกู้ของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH144A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 408 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 33,787 ล้าน กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 6,325 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 4,395 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในตราสารช่วงอายุคงเหลือ 1 — 10 ปี หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1— 2 Basis Point โดยภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในวันนี้ มีแรงซื้อจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศที่มีแรงซื้อเข้ามาหลังจากที่เทขายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข่าวที่ธนาคารกลางยุโรปจะให้สินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องแก่ธนาคารพาณิชย์ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้น
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.15% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.10% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.02% จากวันก่อนหน้า