ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 61.91 จุดรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 23, 2011 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบครึ่งปี นอกจากนี้ แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับลดการประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3 แต่ทางกระทรวงยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 61.91 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 12,169.65 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 10.28 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 1,254.00 จุด ดัชนี Nasdaq บวก 21.48 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 2,599.45 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.5 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมาที่ 4.6 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 3 ต่อ 1

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงเล็กน้อย เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐปรับลดการประเมินจีดีพีไตรมาส 3 ลงมาอยู่ที่ 1.8% จากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2% แต่ตลาดก็สามารถพลิกกลับมายืนในแดนบวกได้อีกครั้ง เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า แม้เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆทั่วโลกกำลังชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวได้ดี และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวอย่างน้อย 3% ในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 18 เดือน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. ลดลง 4,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 364,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2551 และธอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น

เอียน เชพเพิร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทไฮ ฟรีเควนซี อิโคโนมิกกล่าวว่า "ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งอย่างเหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะจำนวนคนว่างงานที่ลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาด และยังสะท้อนให้เห็นว่าทั้งตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น"

หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด นำโดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 6.5% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้น Akamai พุ่งขึ้น 18.6% หุ้นทิบโค ซอฟท์แวร์ พุ่งขึ้น 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการพุ่งขึ้น 20%

อย่างไรก็ตาม หุ้นมี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน ร่วงลง 10% หลังจากมีรางานว่า วอล-มาร์ท สโตเรส ตัดสินใจระงับการวางจำหน่ายนมผงสำหรับเด็กทารกซึ่งผลิตโดยมี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน ในห้างวอล-มาร์ทกว่า 3,000 แห่งทั่วสหรัฐ

ขณะที่หุ้นเบด,บาธ แอนด์ บิยอนด์ ร่วงลง 6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ภายหลังจากที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ