สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงาน SET Note Quarterly Corporate Update พบว่าไตรมาส 3/54 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาก แต่เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/54 เทียบกับไตรมาส 2/54 พบสัญญาณชะลอตัวจากระดับรายได้และความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง ด้านฐานะทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนอยู่ในเกณฑ์มั่นคง และบริษัทจดทะเบียนยังลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวรอย่างต่อเนื่อง
ไตรมาส 3/54 บริษัทจดทะเบียนมีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้การขายและบริการรวมที่เพิ่มขึ้นถึง 26.69% มาอยู่ที่ 2.19 ล้านล้านบาท แต่ต้นทุนการผลิตและต้นทุนการบริหารจัดการเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าคือเพิ่มขึ้น 27.85% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 171,541.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 14.45% และมีกำไรสุทธิ 152,266.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 7.82% และอัตรากำไรสุทธิ 6.54%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/54 บริษัทจดทะเบียน 376 บริษัทมีผลกำไรสุทธิ คิดเป็น 81.03% ของจำนวนบริษัททั้งหมด สูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 79.01% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีจำนวน 303 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เมื่อพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่าทุกกลุ่มมีผลกำไร โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจการเงินและกลุ่มธุรกิจบริการ
สำหรับดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอัตรากำไรจากการดำเนินงานและอัตรากำไรสุทธิ ขณะที่ฐานะทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนอยู่ในเกณฑ์มั่นคง โดยมีระดับหนี้สินต่อทุนที่ 1.30 เท่า เทียบกับ 1.15 เท่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อผลการดำเนินงานในอนาคต
ในไตรมาส 3/54 บริษัทจดทะเบียนมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวร 105,901.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี สัดส่วนของจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่ลงทุนคิดเป็น 77.84% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด ลดลงจาก 80.48% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับกลุ่มที่มีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นสูงคือกลุ่มทรัพยากร รองลงมาคือกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยี
และบริษัทจดทะเบียนระดมทุนในไตรมาส 3/54 มีมูลค่ารวม 7,766.23 ล้านบาท ลดลง 65.28% จากไตรมาส 3/53 โดยการระดมทุนในตลาดแรกมีมูลค่า 2,998.75 ล้านบาท จากบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ 2 บริษัท คือ บมจ. คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) บมจ. เอเซีย พรีซิชั่น (APCS) และมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้าจดทะเบียนใหม่ 1 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทล อินเวสเม้นต์ (TRIF) สำหรับการระดมทุนในตลาดรองมีมูลค่า 4,767.48 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/54 เทียบกับไตรมาส 2/54 พบว่ามีสัญญาณการชะลอตัวลงของระดับรายได้และกำไรจากการดำเนินงาน ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับลดลง 9.55% จากไตรมาส 2/54