ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐเปิดผยยอดสั้งซื้อสินค้าคงทนและค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มมุมมองที่เป็นบวกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กำลังแข็งแกร่งขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.8% แตะที่ 241.6 จุด ณ เวลา 13.57 น. ตามเวลาในลอนดอน ท่ามกลางมุมมองที่เป็นบวกว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากขึ้นและผู้นำในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรกำลังดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินของภูมิภาค
กระทรงพาณิชย์ของสหรัฐรายงานว่า เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากอุปสงค์ด้านอากาศยานที่เพิ่มขึ้น
โดยรายงานของกระทรวงระบุว่า ยอดสั่งซื้ออุปกรณ์คงทน ซึ่งหมายถึงอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนพฤศจิกายนหลังจากที่ทรงตัวในเดือนตุลาคม
ในขณะเดียวกัน รายงานของกระทรวงยังบ่งชี้ว่า ยอดค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่า ดัชนี Stoxx 600 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ แต่ก็ยังลดลง 12% ในปีนี้ เนื่องจากวิกฤติหนี้สินที่ลุกลามออกไปยังอิตาลีและสเปน ในขณะที่ภาคธนาคารและบริษัทเกี่ยวกับสินค้าโภคโภคภัณฑ์รายงานผลประกอบการที่ลดลงมากที่สุดในบรรดา 19 อุตสาหกรรม ซึ่งปรับตัวลดลงอุตสาหกรรมละ 30%
ในขณะเดียวกัน วอลุ่มการซื้อขายทั่วทั้งยุโรปต่างก็ปรับตัวลดลงในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเป็นช่วงใกล้จะถึงเทศกาลวันหยุดคริสต์มาส โดยวอลุ่มการซื้อขายของดัชนี Stoxx 600 ลดลง 22% ในสัปดาห์นี้ สู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสำหรับตลอดทั้งปี 2554