สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 18,661 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 17,077 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 91% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 966 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 4 ปี และ 6 ปี (LB155A LB176A และLB17OA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 420 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 461 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC157A) หุ้นกู้ของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH12DA) และหุ้นกู้ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC136A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 260 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 4,237 ล้าน กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 961 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 175 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ค่อนข้างคงที่ตลอดทุกช่วงอายุของตราสารหนี้ ประกอบกับมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง โดยภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในวันนี้ ค่อนข้างเงียบเนื่องจากเป็นช่วงปลายปี และไร้ซึ่งปัจจัยใหม่ๆที่มากระทบตลาด จึงส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ในวันนี้ค่อนข้างเบาบาง
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.15% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.12% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% จากวันก่อนหน้า