นายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหมิตรเครื่องกล(SMIT)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 55 ที่ 2,500 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องอีก 10% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะเข้าเป้าที่ตั้งไว้กว่า 2,000 ล้านบาท หรือโต 10%
บริษัทคาดว่าในปีหน้าจะได้รับอานิสงค์จากโรงงานที่ถูกน้ำท่วมต้องมีการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ ซึ่งขณะนี้คำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ทยอยเพิ่มเข้ามาพอสมควรแล้ว นอกจากนั้นบริษัทยังมีงานขายเครื่องจักรให้กับโรงงานของ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น ที่ จ.เลย มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 55
ประกอบกับ โรงงานชุบเหล็กจะติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพิ่มอีก 2 เครื่องแล้วเสร็จภายในปีหน้า งบลงทุนรวม 50 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิต(capacity)อีก 30% จากเดิมผลิตได้ 5-6 ล้านบาท/เดือน อยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักร 1 เครื่อง และอยู่ระหว่างนำเข้าอีก 1 เครื่องในต้นปีหน้าและจะเริ่มผลิตได้เลย
นายชัยศิลป์ กล่าวว่า หลังจากเพิ่มเครื่องจักรใหม่น่าจะทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นและแผนกมีดก็จะเพิ่มรายได้มากขึ้นด้วย เพราะเตาที่มีขนาดใหญ่ขึ้นสามารถชุบมีดยาวขึ้นได้ อีกทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาฟื้นตัวก็จะต้องมีการสั่งซื้อเหล็กเกรดพิเศษของบริษัทเพื่อใช้ทำแม่พิมพ์ โดยรวมปีหน้าอุตสาหกรรมในประเทศน่าจะเติบโตได้ดี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนรายได้ของบริษัทเติบโตตามเป้าหมาย ส่วนงบลงทุนปีหน้ายังไม่ได้มีการพิจารณา เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์และการขยายโรงงานต์ให้แล้วเสร็จก่อน
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/54 อาจจะลดลงจากไตรมาส 3/54 เล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบช่วง 2 เดือนที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้เป็นอุปสรรคในการส่งสินค้าและเครื่องจักรให้กับลูกค้า แม้ว่าการผลิตของบริษัทยังเป็นปกติ เช่น ลูกค้าที่บางบัวทองเราส่งของไม่ได้เลย แต่หลังจากน้ำท่วมแล้วออร์เดอร์ที่อั้นอยู่ได้เริ่มทยอยกลับเข้ามาแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ผลประกอบการไตรมาส 4/54 จะลดลง แต่เชื่อมั่นว่าโดยรวมทั้งปีผลประกอบการยังเข้าเป้าทั้งรายได้และกำไร โดยรายได้ก็น่าจะเติบโต 10% ได้ เนื่องจาก 9 เดือนแรกของปีสามารถทำรายได้ 1,805 ล้านบาทแล้ว และกำไรก็จะเติบโตกว่าปีก่อนที่ 200 ล้านบาท เพราะ 9 เดือนแรกมีกำไรแล้ว 173 ล้านบาท
นายชัยศิลป์ กล่าวว่า หุ้น SMIT มีมูลค่าทางบัญชี(BV)ที่กว่า 2.90 บาท และ PE อยู่ที่แค่ 6 เท่า ยังต่ำเมื่อเทียบ PE ตลาดที่ 12 เท่า อีกทั้งมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ