นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์จำนวน 19 รายเกี่ยวกับดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 55 คาดการณ์ว่าอยู่ที่ 1,130 จุด โดยมีดัชนีสูงสุดที่ 1,186 จุด จากปีนี้ที่คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่เฉลี่ย 1,046 จุด
อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปีหน้าคาดว่าจะเฉลี่ย 11.61% จากปี 54 อยู่ที่ 15.14% โดยนักวิเคราะห์มองปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% ในปีหน้า และเหลือ 20% ในปี 56 นอกจากนี้การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และคาดว่าเศรษฐกิจปี 55 อยู่ที่ 4.1% จากปีนี้คาดว่าเติบโต 1.4% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
สำหรับความเห็นนักเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่มองการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนสถาบันในประเทศในปีหน้า อยู่ที่ 24,742 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นไทยยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินกลุ่มยูโรโซนและปัญหาการเมืองในประเทศ ระดับความกังวลทางการเมืองมีมากขึ้นจากการประเมินเมื่อกลางปี 54 ที่ผ่านมา เนื่องจากนักวิเคราะห์กังวลว่าอาจจะเห็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือการนิรโทษกรรมนักการเมือง
"ความเห็นนักวิเคราะห์มองดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้าต่ำสุดอยู่ที่ 850 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,264 จุด โดยหุ้นเด่นปีหน้าและคาดว่ามีกำไรสูงสุด คือกลุ่มเดินเรือ อสังหาฯ และอาหาร จากปีนี้ที่กลุ่มโรงแรม ปิโตรเคมี และอาหารที่เด่นสุด ขณะที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลพบว่ากลุ่มสื่อสารมีอัตราผลตอบแทนสูงสุดที่ 7.32% รองมาคือกลุ่มชิ้นส่วนฯ 5.15% และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 4.70%" นายสมบัติ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในช่วงที่ดัชนีปรับลดลง และหาจังหวะขายทำกำไร โดยเน้นหุ้นกลุ่มปันผลสูงและสม่ำเสมอ และได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อย โดยหุ้นแนะนำลงทุน คือ ADVANC, BBL, CPF, THCOM
ด้านราคาทองคำในสิ้นปีหน้า คาดว่าอยู่ที่บาททองคำละ 26,868 บาท จากสิ้นปีนี้ที่ประเมินอยู่ที่ 24,088 บาท และค่าเงินบาทสิ้นปี 55 อยู่ที่ 30.80 บาท/ดอลลาร์ จากเดิมคาดว่าอยู่ที่ 29.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่สิ้นปี 54 คาดว่าอยู่ที่ 31.20 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าการประเมินครั้งก่อนที่อยู่ 29.70 บาท/ดอลลาร์
นายสมบัติ กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้มีโบรกเกอร์มีการซื้อขายระยะสั้น (รายชั่วโมง) ไม่น้อยกว่า 4 รายถือเป็นสถานการณ์ปกติ เนื่องจากเป็นวิธีสร้างรายได้รองรับการเปิดเสรีในปีหน้า นอกเหนือจากการลงทุนด้วยพอร์ตตนเอง