ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 2.65 จุด หลังบอนด์ยีลด์อิตาลีพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 28, 2011 06:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซาและวอลุ่มการที่มีอยู่เพียงบางเบา โดยในช่วงแรก ตลาดขานรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ริโภคสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน แต่จากนั้นดัชนีดาวโจนส์ก็ถอยลงมาอยู่ในแดนลบ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% และราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 2.65 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 12,291.35 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.10 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 1,265.43 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 6.56 จุด หรือ 0.25% แตะที่ 2,625.20 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาและวอลุ่มมีอยู่เพียงบางเบา โดยในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 64.5 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 55.2 จุดของเดือนพ.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.เคลื่อนไหวที่ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 58.3 จุด

นักวิเคราะห์จากบริษัทแวดเดลล์ แอนด์ รี้ด กล่าวว่า การพุ่งขึ้นอย่างเหนือการคาดการณ์ของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสะท้อนให้เห็นว่าชาวสหรัฐมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นทั้งต่อการจ้างงาน จึงทำให้นักลงทุนจับตาดูจำนวนคนว่างงานประจำสัปดาห์ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้อย่างใกล้ชิด หากตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ ก็จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นอีก และจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ร่วงลง 1.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.5% และหากเทียบเป็นรายปีพบว่าราคาบ้านร่วงลง 3.4% ส่งสัญญาณว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะซบเซาอย่างมาก

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้น 0.09% แตะที่ 7.07% เมื่อวานนี้ ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะประมูลขายตั๋วเงินคลังมูลค่า 9 พันล้านยูโร, ตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) ที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้

หุ้นเซียร์ส โฮลดิงส์ คอร์ป ดิ่งลง 27% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะปิดห้างเซียร์สและเคมาร์ท จำนวน 100-120 แห่ง อันเนื่องมาจากยอดขายที่ถดถอยลงในช่วงเทศกาลวันหยุด นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังได้ฉุดหุ้นเวิล์ดพูลร่วงลง 9% เนื่องจากความกังวลที่ว่า การปิดห้างเซียร์สและเคมาร์ทจะส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องซักผ้าเวิล์ดพูล

อย่างไรก็ตาม หุ้นเอนเดเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซของสหรัฐ พุ่งขึ้น 24% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะซื้อสินทรัพย์ของโคโนโคฟิลิปส์ในเขตทะเลเหนือ มูลค่า 330 ล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนธ.ค. และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ