ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา หลังจากที่มีรายงานว่าราคาบ้านในสหรัฐร่วงลง ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้ของหุ้นกลุ่มส่งออกของเอเชีย
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 8,426.09 จุด ลดลง 14.47 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,621.50 จุด ลดลง 7.67 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,833.26 จุด ลดลง 8.76 จุด ส่วนดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,086.10 จุด บวก 1.07 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,676.92 บวก 3.30 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,140.10 จุด ลดลง 0.30 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,499.73 จุด ลบ 1.18 จุด
ดัชนี MSCI Asia Pacific อ่อนตัว 0.3% แตะ 113.32 จุด เมื่อเวลา 10.01 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
หุ้นแคนนอน ร่วง 1.2% ส่วนหุ้นเอสเค เทเลคอม อ่อนตัวลง ขณะที่หุ้นโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ ร่วง 12.8% หลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่า บริษัทควรจะพิจารณาเรื่องการควบคุมเป็นการชั่วคราว
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ร่วงลง 1.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.5% ส่งสัญญาณว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะซบเซาอย่างมาก
เดวิด บลิทเซอร์ ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดทำดัชนีราคาบ้านของเอสแอนด์พีกล่าวว่า เขตแอตแลนต้า และเขตมิดเวสต์ เป็นพื้นที่ที่มีราคาบ้านอ่อนแอที่สุดในเดือนต.ค. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะปัญหาบ้านถูกยึดจำนองที่มีจำนวนสูงมาก