ตลท.เผยหุ้น IPO ไทยปี 54 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 41.54%สูงสุดในเอเชียแปซิฟิก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 28, 2011 15:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) และผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) เปิดเผยว่า บริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ในปีนี้ 10 บริษัท แบ่งเป็นใน SET 3 บริษัท และใน mai 7 บริษัท มีผลตอบแทนนับแต่ IPO จนถึงปัจจุบัน (ณ 21 ธ.ค.54) เฉลี่ย 41.54% นับเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยที่สูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคภาคเอเชีย-แปซิฟิก

ปัจจัยหลักที่ทำให้ผลตอบแทนนับแต่ IPO ของหลักทรัพย์ใหม่เหล่านี้มีความโดดเด่น คือการที่บริษัทเหล่านี้อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโตและบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมี 6 บริษัทที่มีกำไรสุทธิเติบโตเกิน 100% จากผลประกอบการงวด 9 เดือน และ 4 บริษัทที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้ว ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินและสภาพคล่องของบริษัท นอกจากนั้น การที่ SET Index และ mai Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4 นับเป็นปัจจัยเอื้อต่อภาวะการซื้อขายหุ้นเข้าใหม่ และยังสะท้อนให้เห็นความมั่นใจของผู้ลงทุนที่มีต่อบริษัทจดทะเบียนไทยแม้จะเผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วม

นอกจากนี้การที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีผู้ลงทุนที่หลากหลาย ทั้งผู้ลงทุนบุคคลทั่วไปและสถาบันที่ต่างสนใจลงทุนหุ้น IPO เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี (51-53) หุ้น IPO ให้ผลตอบแทนนับแต่ IPO ถึงปัจจุบันใกล้เคียงหรือดีกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีค่าเฉลี่ยในแต่ละปีที่ 40.78% 116.91% และ 85.36% ตามลำดับขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ผลตอบแทนในแต่ละปีที 21.64% 131.97% และ 42.10% ตามลำดับ

นอกจากนี้ การที่บริษัทเข้าใหม่สามารถระดมทุนโดยมีต้นทุนที่ถูกกว่าบริษัทที่จดทะเบียนอยู่แล้ว สังเกตได้จากค่าเฉลี่ยราคาหุ้น IPO ต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น(P/E Ratio)ของหุ้นเข้าใหม่ที่ 12.60 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย P/E ของ SET และ mai อยู่ที่ประมาณ 13.37 เท่าและ 18.46 เท่า ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การระดมทุนโดยนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังมีความน่าสนใจ

ณ วันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าใหม่ในปี 54 ทั้ง 10 แห่งอยู่ที่ 18,463 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 29,298 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.72% ณ วันที่ 21 ธ.ค.54 โดยหุ้นเข้าใหม่ใน SET ที่ให้กำไรจากการถือหุ้นจนถึงปัจจุบันสูงสุด คือ บมจ. น้ำตาลครบุรี (KBS) ที่ 20.88% และใน maiได้แก่ บมจ. ยูเนี่ยน อินทราโก้ (UIC) ที่ 118.75% ตามลำดับ

สำหรับตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อมาทำการเปรียบเทียบผลตอบแทนดังกล่าว รวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีจำนวน 12 แห่ง และตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก 44 แห่ง โดยใช้ข้อมูลราคา IPO ของหลักทรัพย์เข้าใหม่ทุกตัวของแต่ละตลาด เปรียบเทียบกับราคาปิดของหลักทรัพย์นั้น ๆ ณ วันที่ 21 ธ.ค.54


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ