ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ 0.57% ในวันสุดท้ายของการซื้อขายปี 2554 เมื่อคืนนี้ (30 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายบางเบา นอกจากนี้ ตลาดยังขาดปัจจัยชี้นำซึ่งรวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ จึงทำให้บรรยากาศการซื้อขายในวันสุดท้ายของปี 2554 เป็นไปอย่างเงียบเหงา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 69.48 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 12,217.56 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.42 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 1,257.60 จุด และดัชนี Nasdaq ลบ 8.59 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 2,605.15 จุด
ภาวะการซื้อขายในวันสุดท้ายของปี 2554 เป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนไม่ต้องการเข้าทำโพสิชั่นในช่วงปลายปีและก่อนที่จะถึงวันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายโดยรวมยังได้รับแรงกดดันอยู่ก่อนแล้ว จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ หลังจากต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลอิตาลียังคงเคลื่อนไหวในระดับที่สูงมาก ในการประมูลพันธบัตรครั้งหลังสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ อิตาลีประมูลขายพันธบัตรอายุ 10 ปี ได้ 7 พันล้านยูโร ด้วยอัตราผลตอบแทน 6.98% ซึ่งแม้ว่าจะลดลงจากระดับ 7.56% ของการประมูลครั้งก่อน แต่ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่ไม่มีเสถียรภาพ เมื่อพิจารณาจากการที่กรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ต้องยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ของประเทศเหล่านี้ พุ่งขึ้นเหนือระดับ 7%
หุ้นเซียร์ส โฮลดิงส์ คอร์ป ร่วงลง 3% หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทเซียร์ส ลงสู่ "ระดับขยะ" อันเป็นผลมาจากการที่บริษัทประกาศปิดห้างเซียร์สและห้างเคมาร์ทกว่า 100 แห่ง เนื่องจากยอดขายในช่วงวันหยุดหดตัวลง
หุ้นไดมอน ฟูดส์ พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากมีข่าวลือแพร่สะพัดในตลาดว่า เดวิด อินฮอร์น ซึ่งเป็นผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ ได้เข้าซื้อหุ้นในไดมอน ฟูดส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารชั้นนำ เช่น "Emerald Nuts" เป็นต้น
หุ้นเอเอ็มอาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของอเมริกัน แอร์ไลน์ส ร่วงลง 17% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของอเมริกัน แอร์ไลน์ส หลังจากเอเอ็มอาร์ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายเมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากนี้มีรายงานว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) จะถอดถอนหุ้นเอเอ็มอาร์ออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์กในสัปดาห์หน้า
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลอดปี 2554 ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 5.5% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับดัชนีสำคัญตัวอื่นๆในตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงทั้งสิ้น 1.8% และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.04% ในปี 2554
หุ้นแมคโดนัลด์ คอร์ป ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในปี 2554 โดยปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 31% ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นหุ้นที่อ่อนแอที่สุดในปี 2554 โดยร่วงลงไปทั้งสิ้น 58%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคได้รับการจัดอันดับว่าเป็นหุ้นกลุ่มที่พุ่งขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับบรรดาหุ้นอุตสาหกรรม 10 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P 500 โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคทะยานขึ้นทั้งสิ้น 15% ในปี 2554 รองลงมาคือหุ้นกลุ่มผู้ผลิตอาหารเพื่อผู้บริโภคซึ่งปรับตัวขึ้น 11% และหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ ปรับตัวขึ้น 10%