ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 179.82 จุดขานรับข้อมูลศก.สหรัฐ,จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 4, 2012 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.47% เมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นในปี 2555 และ 2556

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 179.82 จุด หรือ 1.47% ปิดที่ 12,397.38 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 19.46 จุด หรือ 1.55% แตะที่ 1,277.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 43.57 จุด หรือ 1.67% แตะที่ 2,648.72 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการวันแรกของปีพ.ศ.2555 ด้วยการทะยานขึ้นเกือบ 180 จุด เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้ามาซื้อขายกันอย่างคึกคัก หลังจากที่ตลาดปิดทำการในช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งในสหรัฐและประเทศทั่วโลก

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.2% และแตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวสู่รุดับ 53.9 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.7 จุดของเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.2 จุด

ความแข็งแกรงของภาคการผลิตสหรัฐช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในวันข้างหน้า นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังออกมาสอดคล้องกับรายงานการประชุมของเฟดที่ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะเริ่มกระเตื้องขึ้นในปี 2555 และ 2556

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีน ดีดตัวขึ้น 1.3 จุด มาอยู่ที่ระดับ 50.3 จากระดับ 49 ในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

นักวิเคราะห์จากแคปิตอล ไอคิว ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ในเครือของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) แสดงความเห็นว่า นักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมาอย่างหนักในช่วงปลายปี 2554 โดยมีเป้าหมายที่ตัดขาดทุนในเรื่องภาษี หลังจากนั้นก็กลับเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรอีกครั้งในเดือนม.ค.ของปี 2555 ซึ่งในวอลล์สตรีทเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า "January effect"

หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มวัสดุ และกลุ่มอุตสาหกรรม ทะยาขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 5.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 4.3%

ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานและทรัพยากรพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นพีบอดี้ เอนเนอร์จี คอร์ป ดีดตัวขึ้น 9% หุ้นเจมส์ ริเวอร์ โคล ทะยานขึ้น 11% และหุ้นอัลฟา เนเชอรัล รีซอสเซส พุ่งขึ้น 8%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนพ.ย. วันพฤหัสบดี ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบัน ISM เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ