นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในปี 55 เน้นยุทธศาสตร์ใหม่ 5 ด้าน ได้แก่ (1) การสร้างโอกาสให้ตลาดทุนไทยมีบทบาทพัฒนาและฟื้นฟูประเทศและมีบทบาทในภูมิภาค (2) การเปิดให้มีการแข่งขันในตลาดทุนและพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของผู้เกี่ยวข้อง (3) การให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนและรักษาความน่าเชื่อถือของตลาดทุน (4) ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมระบบให้รองรับความผันผวนรุนแรงได้ และ (5) การขยายฐานผู้ลงทุนและทำให้ตลาดทุนรองรับปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการสื่อสารและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่เกี่ยวข้องในเชิงรุก ตลอดจนพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานภายในผ่านการบริหารจัดการด้านบุคลากร ข้อมูล และการเงิน อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ ก.ล.ต. สามารถบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ได้
ขณะที่ก้าวต่อไปในการกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนไทยนั้น ก.ล.ต. เน้นสร้างความชัดเจนเรื่องบทบาทการกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนภายใต้หลักการทำงาน 4Ps ประกอบด้วย Proactive, Preventive, Promotion and Premier ซึ่งจะมุ่งเน้นท่าทีการทำงานเชิงรุก ให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับทุกภาคส่วนในตลาด
ทั้งนี้ Proactive หมายถึง การดำเนินงานเชิงรุกและมีการคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อเตรียมรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยต้องเป็นผู้กำกับดูแลที่เข้มแข็ง ขณะเดียวกันก็เป็นพันธมิตรกับทุกภาคส่วน พร้อมพบปะผู้ร่วมตลาดทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดการสื่อสารและแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกัน สามารถร่วมมือกันแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที,
Preventive หมายถึง การใช้มาตรการป้องกันควบคู่ไปกับมาตรการลงโทษแก้ไข โดยจะแยกกลุ่มคนที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กับกลุ่มคนที่ฝ่าฝืนออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้การออกหลักเกณฑ์ไปกระทบและเป็นภาระโดยไม่จำเป็น, Promotion คือการส่งเสริมและพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีความเข้มแข็ง เพื่อเป็นแหล่งระดมทุนหลักของภาคธุรกิจทุกขนาด พร้อมไปกับมุ่งให้ความรู้ด้านการเงินและการลงทุนแก่ประชาชนทั่วไป
และ Premier หมายถึง การยกระดับสู่ความเป็นหนึ่ง ทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนต้องมีบุคลากรที่เป็นมืออาชีพ มีการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อให้มีความพร้อมในการกำกับดูแลตนเองได้ และเพื่อสร้างความชัดเจนเรื่องบทบาทการกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนภายใต้การทำงาน 4Ps ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 นี้
ก.ล.ต.ได้ปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับแผนพัฒนาคลาดทุนไทย โดยมุ่งเน้นเพื่อ (1) การทำงานเชิงรุกและรวมศูนย์งานด้านการต่างประเทศเพื่อผลักดันให้บทบาทของตลาดทุนไทยในภูมิภาคเด่นชัดยิ่งขึ้น (2) การยกระดับและเร่งดำเนินงาน Financial Literacy ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ (3) การรวมศูนย์งานพิจารณาการออกตราสารทุกประเภทเพื่อส่งเสริมการระดมทุนอย่างมีกลยุทธ์ ควบคู่ไปกับการผลักดันการพัฒนาสินค้าใหม่
(4) การสร้างมาตรฐานและเพื่อประสิทธิภาพการกำกับดูแลธุรกิจตัวกลางโดยแยกบทบาทด้านการพัฒนาออกจากการวิเคราะห์ตรวจสอบ (5) การออกกฎเกณฑ์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนากฎหมายให้เป็นสากล (6) การเปิดรับฟังเพื่อให้ ก.ล.ต. เป็นองค์กรที่ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในตลาดทุน (stakeholders) เข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น และให้ทุกภาคส่วนมีบทบาทในการช่วยพัฒนาตลาดทุน
นายวรพล กล่าวต่อไปว่า ในโอกาสที่ปีนี้เป็นปีที่ ก.ล.ต. ครบรอบการก่อตั้งปีที่ 20 ได้มีการสร้างแบรนด์ขององค์กรขึ้นมาเป็นครั้งแรก ถือเป็นการปรับตัวเพื่อให้สามารถรับมือกับภาวการณ์แข่งขันในตลาดทุนโลกที่รุนแรงขึ้นและสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป โดยยึดมั่นในพันธกิจของการเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่กำกับและพัฒนาตลาดทุนของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ยุติธรรม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ และกำหนดจุดยืนไว้อย่างชัดเจนว่าจะเป็น “พันธมิตรคิดไกล" (The Visionary Partner)