ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากยอดสั่งซื้อของโรงงานในสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ขณะที่หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงบวกลงในระหว่างวัน เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 21.04 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 12,418.42 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.24 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 1,277.30 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.36 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 2,648.36 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มด้านสินเชื่อของยุโรปในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากมีรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้นำเงินมาฝากไว้กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 4.53 แสนล้านยูโรเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ไม่มั่นใจในการปล่อยเงินกู้ระหว่างธนาคาร อันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้สาธารณะในปัจจุบัน
จากนั้นไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ก็เริ่มดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานภายในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 4.592 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่ปรับตัวลดลงในเดือนต.ค. โดยยอดสั่งซื้อเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของภาคการผลิตสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนธ.ค.ปี 2554 ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์พุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) บวก 0.5%
หุ้นวีซ่า อิงค์ ร่วงลง 1.8% หุ้นมาสเตอร์การ์ด อิงค์ ดิ่งลง 3.3% หลังจากนักวิเคราะห์จากบริษัทแจนนีคาดการณ์ว่า ผู้บริโภคสหรัฐจะยังคงลดการใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดหนี้สิน
หุ้นยาฮู อิงค์ ร่วงลง 3.1% หลังจากบริษัทประกาศแต่งตั้งนายสก็อต ธอมป์สัน อดีตประธานบริษัท PayPal ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของอีเบย์ อิงค์ ให้ดำรงตำแหน่งซีอีโอของยาฮู ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นอีเบย์ร่วงลง 3.8% ด้วย
ส่วนหุ้นอีสต์แมน โกดัก ดิ่งลงเกือบ 30% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า อีสต์แมน โกดัก เตรียมยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบัน ISM เปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสรหัฐจะเพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.7% จากระดับ 8.6% ของเดือนพ.ย.