TIPCO คาดกำไรปี 54 โตแม้น้ำท่วม ห่วงปี 55 ค่าแรง-พลังงานสูงขึ้นฉุดกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 5, 2012 10:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิปโก้ฟู้ดส์(ประเทศไทย)(TIPCO) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ปี 54 คาดว่ารายได้จะต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วง ต.ค.-พ.ย.ทำให้ยอดขายสะดุดเหลือเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว จากปี 53 มีรายได้ 5,135 ล้านบาท และงวด 9 เดือนของปี 54 ทำรายได้ 3,995 ล้านบาท

สำหรับยอดขายในไตรมาส 4/54 ถึงแม้ช่วง 2 เดือนแรกจะได้รับผลกระทบน้ำท่วม แต่เดือน ธ.ค.ยอดขายกลับสู่ปกติแล้ว โดยเฉพาะน้ำผลไม้ ซึ่ง TIPCO ก็ยังครองส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ที่ 47% เป็นอันดับ 1 ของตลาดน้ำผลไม้ในไทย ถึงแม้ช่วง 2 เดือนโรงงานที่วังน้อยหยุดผลิตไปบ้างทำให้มาร์เก็ตแชร์ลดลงง แต่เดือน ธ.ค.กลับมาแล้ว โดยรวมยังเชื่อว่าจะครองส่วนแบ่งตลาดได้ ขณะที่ยอดขายน้ำแร่ออร่าเพิ่มขึ้นทันทีช่วงน้ำท่วม เพราะโรงงานอยู่ จ.เชียงใหม่ไม่ได้รับผลกระทบ

ส่วนของกำไรสุทธิปี 54 คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อนมาก เพราะในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 146.95 ล้านบาทไปแล้ว

"กำไรสุทธิปี 54 นี้จะสูงกว่าปีก่อนเยอะ ถึงแม้รายได้โตน้อยแต่กำไรดีขึ้นเพราะสินค้ามากขึ้น ขายสินค้าในต่างประเทศได้มากขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบไม่มีการปรับราคา"นายวิวัฒน์ กล่าว

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 55 เติบโตตัวเลข 2 หลักอีกครั้ง จากทั้งธุรกิจเครื่องดื่ม,ส่งออกสัปปะรดและธุรกิจค้าปลีก โดย TIPCO จะทยอยออกผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้รูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น เน้นการใช้นวัตกรรมใหม่พัฒนาสินค้าให้แตกต่างจากน้ำผลไม้อื่นๆ ในไทย เพื่อต่อยอดสินค้าเดิมและเพิ่มสินค้าใหม่ โดยสินค้าใหม่ที่ออกวางจำหน่ายไปแล้ว เช่น ทิปโก้เอสเซนท์ ทิปโก้เนเจอร์อัพ และชาเขียว"มิเรอิ"

บริษัทมีแผนวางตลาดสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยจะเริ่มออกวางจำหน่ายตั้งแต่ ก.พ.-มี.ค.55 และจะเห็นผลต่อยอดขายชัดเจนในไตรมาส 2/55 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/55 ยอดขายเครื่องดื่มชาเขียวที่เพิ่งเปิดตัวไปจะเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้น หลังยอดขายสะดุดช่วงน้ำท่วม อีกทั้งยังมีน้ำแร่ออร่าที่มีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มน้ำแร่ธรรมชาติ

แต่ปัจจัยที่กังวลคือยอดขายในต่างประเทศ เพราะปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและอเมริกาอาจทำให้ความต้องการของตลาดลดลง แต่บริษัทก็เตรียมปรับกลยุทธ์ด้วยการหันไปบุกตลาดแถบตะวันออกกลาง และแอฟริกามากขึ้นเพื่อทดแทนตลาดยุโรปและอเมริกา แต่ธุรกิจส่งออกสัปปะรดยังน่าจะเติบโตได้ดีมาก โดยปัจจัยบวกคือราคาต้นทุนสับปะรดถูกลง ผลผลิตในไร่ก็ออกมามาก

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรทั้งปี 55 ต้องดูสถานการณ์ก่อน เพราะจะมีต้นทุนค่าแรงงานและค่าพลังงานที่อาจปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ค่าขนส่งแพงขึ้นด้วย หรือต้นทุนวัตถุดิบอื่นๆ อีกทั้งห่วงดีมานด์ในสหรัฐและยุโรปจะอ่อนลงทำให้ราคาขายมีการแข่งขันกันมากขึ้น ขณะที่สิ่งที่ต้องระวังคือความันผวนของค่าเงิน ถึงแม้ช่วงนี้เงินบาทจะอ่อนค่าและเป็นผลดีในปีนี้ ส่วนเรื่องปรับราคาขายต้องรอดูสถานการณ์ข้างหน้าอีกที เพราะมีเรื่องต้นทุนค่าแรง ค่าพลังงาน วัตถุดิบ ที่จะมีผลกระทบเข้ามา

ปัจจุบัน TIPCO มีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าในประเทศ 50% ส่งออก 50% และคาดว่าในปี 55 ยังคงระดับสัดส่วนเช่นนี้ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ