นายพัชร สมะลาภา รองกรรมผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า การเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมผู้จัดการสายงานธุรกิจเอสเอ็มอีคนใหม่ในครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ซึ่งตนก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยใช้จุดขายสำคัญที่ต่างกับคู่แข่งรายอื่นๆในเรื่องของเน็ตเวิร์คที่มีความกว้างขวางและความตั้งใจในการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด ทั้งผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
"การเข้ามารับตำแหน่งนี้มีทั้งคุณค่าและความท้าทาย ซึ่งผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดและดีมากขึ้นไปอีก เพราะผู้บริหารท่านก่อนทำไว้ดีมาก ปีนี้เราก็จะมีข้อเสนอและผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาเรื่อยๆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด"นายพัชร กล่าว
โดยในปี 55 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโต 12% หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อที่ 4.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 54 อยู่ที่ 4.28 แสนล้านบาท ซึ่งเติบโตสูงกว่าตลาดฯรวมที่คาดโต 6-7% ขณะที่รายได้รวมคาดว่าจะเติบโต 12% จากปีก่อนที่ทำได้ 2.77 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 3.07 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 31% จากปีก่อน 30% เป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะพยายามรักษาไว้ไม่ให้เกิน 3.48% เท่ากับปี 54
"คิดว่าผลกระทบจากน้ำท่วมขณะนี้ยังส่งผลไม่หมด แต่ก็คิดว่าในกรณีเลวร้ายสุดก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อ NPL มากเท่าไหร่ เพราะในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาเราก็ดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง"นายพัชร กล่าว
นายพัชร กล่าวถึง ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบในปีนี้ว่าอาจจะมีการปรับลงอีก 0.25-0.50% จากปัจจุบันที่ 3.25% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของภาวะน้ำท่วม สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงและต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในปีนี้คือเรื่องวิกฤตหนี้สินในยุโรป ซึ่งมาตรการต่างๆที่ออกมานั้นก็ยังไม่ได้แก้ปัญหาโดยตรง