โบรกฯหนุน"ซื้อ"SAT ฟื้นตัวเร็วหลังน้ำท่วมกระทบน้อย แรงหนุนจากนโยบายรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 5, 2012 15:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้องหนุน"ซื้อ"บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT)มองเป็นหุ้น TOP PICK กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งบริษัทฟื้นตัวได้เร็วตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ เนื่องจากรับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อยที่สุด โดยไตรมาส 1/55 ค่ายรถยนต์มิตซูบิชิและโตโยต้าเริ่มกลับมาผลิตแล้ว และคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติในครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายและกำไรของบริษัทในไตรมาส 1/55 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และทั้งปีคงเติบโตตามอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ที่คาดจำนวนอยู่ที่ 1.8-2 ล้านคัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจมีแรงกดดันการทำกำไรในปีนี้จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา แต่เป็นต้นทุนที่จะส่งผลดีต่อความสามารถการแข่งขันในระยะยาว ส่วนนโยบายเพิ่มเติมของรัฐบาลในการลดภาษีรถยนต์ที่ทดแทนรถที่ถูกน้ำท่วม 1 แสนบาท และค่าซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม 30,000 บาท น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อยอดขายรถยนต์ได้บ้าง แต่ไม่ได้มีผลอย่างมีนัยสำคัญ

          โบรกเกอร์            คำแนะนำ              ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.เอเซีย พลัส          ซื้อ                    28.53
          บล.ทรีนิตี้               ซื้อ                    25.00
          บล.เกียรตินาคิน          ซื้อ                    25.30
          บล.ดีบีเอสฯ             ซื้อ                    26.00
          บล.เคจีไอ              ซื้อ                    30.00
          บล.บัวหลวง             ซื้อ                    23.50

นางสาวนวลพรรณ น้อยรัชชุกร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส คาดว่า SAT จะเริ่มการผลิตในไตรมาส 1/55 ตามการผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์หลังถูกผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน และการผลิตจะเข้าเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยลูกค้าหลักของบริษัท คือค่ายรถยนต์มิตซูบิชิและโตโยต้าเริ่มกลับมาเดินเครื่องการผลิตแล้ว ขณะที่ค่ายรถยนต์ฮอนด้ายังไม่กลับมาผลิต แต่คิดเป็นสัดส่วนรายได้ของบริษัทไม่มาก

ส่วนนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม สามารถได้สิทธิซื้อรถคันได้หักลดหย่อนภาษี 1 แสนบาทตามโครงการรถคันแรก และนำค่าซ่อมแซมรถยนต์มาหักลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท มองว่าไม่น่ามีผลต่อยอดขายของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ แต่อาจมีผลต่อ sentiment มากกว่า เพราะรถยนต์ที่เสียหายจากน้ำท่วมจากยอดการจดทะเบียนที่กรมขนส่งทางบกมีประมาณ 2 หมื่นคัน คิดเป็น 2% ของยอดขายรถยนต์ในตลาดที่ 8-9 แสนคัน และรถยนต์ที่เสียหายอาจจะไม่ได้มีการซื้อรถใหม่มาทดแทนทั้งหมด

“นโยบายเพิ่มเติมของรัฐบาล มองว่าน่าจะช่วยในแง่ sentiment เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นการซื้อรถยนต์ใหม่ แต่จะมีมากน้อยแค่ไหนไม่ทราบ และคงไม่มีผลต่อยอดขายของ SAT หรือตลาดรถยนต์ อย่างมีนัยสำคัญ" นางสาวนวลพรรณ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าปี 55 SAT น่าจะมีกำไรสุทธิ 746 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 57% จากปี 54 ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 4/54 แย่ที่สุดของปี 54 แต่ในไตรมาส 1/55 จะมีผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามภาคการผลิตรถยนต์ ที่ประเมินว่าปีนี้จะมียอดผลิตรถยนต์ที่ 1.9 ล้านคัน แม้หลายฝ่ายประเมินไว้ที่ 2 ล้านคัน

นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน ให้ SAT เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมน้อยและน่าจะฟื้นตัวได้เร็ว อีกทั้งมองว่าอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์จะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 1/55 โดยลูกค้าหลักคือมิตซูบิชิจะเริ่มการผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะรถปิกอัพที่จะมีความต้องการในตลาดเพิ่มสูงขึ้น และ SAT มียอดขายชิ้นส่วนรถปิกอัพสูงถึง 70% ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์ในปี 55 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.86 ล้านคัน แม้ในวงการยานยนต์จะประเมินมียอดผลิตสูงถึง 2 ล้านคันก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ประเมินกำไรสุทธิของ SAT ในปี 55 คาดว่าจะอยู่ที่ 676 ล้านบาท สูงกว่าปี 54 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 524 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิยังไม่สูงเท่าปี 53 แม้จะมียอดขายที่สูงกว่า เนื่องจากยังมีแรงกกดดันจากนโยบายรัฐบาลในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท รวมถึงบริษัทเริ่มมีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนามากขึ้น ซึ่งอยู่ที่ 1.5% ของยอดขาย แต่ถือเป็นต้นทุนที่จะส่งผลดีในระยะยาว

“ความเสี่ยงของ SAT มาจากต้นทุนค่าแรงงานที่สูงขึ้นจากนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการลงทุน R&D ที่ต้องลงทุนเพื่อหนีคู่แข่งจากจีนและเวียดนามแต่จะเป็นผลดีในระยะยาว ส่วนด้านอื่นๆบริษัทมีการบริหารที่มีประสิทธิภาพได้ดีอยู่แล้ว บริษัทมีกำไรขั้นต้นเฉลี่ย 18-20% ถือว่าอยู่ระดับสูงในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ23% บริษัทยังไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ เนื่องจากได้รับสิทธิส่งเสริมบีโอไออยู่แล้ว"นายดิษฐนพ กล่าว

ทั้งนี้ ประเมินในปี 55 มีปัจจัยหนุนต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ จากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ซึ่งผู้ที่รถยนต์ถูกน้ำท่วมได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วย มีการเปิดตัวรถอีโคคาร์และรถปิกอัพรุ่นใหม่ และผู้ผลิตรถยนต์ 3 ค่าย คือ FORD, MITSUBISHI, SUZUKI เปิดโรงงานใหม่ ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายของบริษัทด้วยเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ