ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ลบ 2.72 จุด ขณะตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 6, 2012 06:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากต้นทุนการกู้ยืมของฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้นในการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข้อมูลด้านแรงงานและภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ในวันศุกร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 2.72 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 12,415.70 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.76 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 1,281.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 21.50 จุด หรือ 0.81% แตะที่ 2,669.86 จุด

ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 130 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อภาคธนาคารของยุโรป และผิดหวังต่อผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลฝรั่งเศส โดยเมื่อวานนี้ ฝรั่งเศสระดมทุนจากการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้เพียง 4.02 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3.29% เพิ่มขึ้นจากการประมูลครั้งก่อนที่ 3.18% ขณะที่อัตราส่วนความต้องการซื้อต่อปริมาณที่นำออกจำหน่าย (bid-to-cover ratio) ลดลงแตะ 1.64 เท่า จากระดับ 3.05 เท่า

อย่างไรก็ตาม แรงลบในตลาดถูกสกัดลงด้วยข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวกของสหรัฐ รวมถึงการจ้างงานของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น 325,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. ลดลง 15,000 ราย มาอยู่ที่ 372,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ

นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.ของสหรัฐขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 จุด จากระดับ 52.0 จุดในเดือนพ.ย.

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเหล่านี้สามารถชดเชยปัจจัยลบที่เกิดจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป และรายงานยอดขายที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงเจซี เพนนี และทาร์เก็ต คอร์ป ซึ่งรายงานดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นเจซี เพนนี ร่วงลง 2.7% หุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ดิ่งลง 3% หุ้นแก๊ปร่วงลง 3.2% หุ้นโคห์ลปรับตัวลง 1.8% และหุ้นเมซี ดิ่งลง 3.9%

หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่พยุงภาวะการซื้อขายให้กลับมาคึกคักในช่วงท้าย โดยหุ้นเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 2.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 1.2% หุ้นซัน ทรัสต์ แบงก์ อิงค์ พุ่งขึ้น 5.4% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 8.6%

นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ในสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์ ซึ่งจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ในวันที่ 9 ม.ค.นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกการภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสรหัฐจะเพิ่มขึ้น 148,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.7% จากระดับ 8.6% ของเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ