โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL)คาดกำไรปี 55 ยังโตขึ้นจากปี 54 ที่ทำสถิติสูงสุด ปีนี้ได้แรงผลักจากทั้งธุรกิจหลักน้ำตาลที่ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากโรงบ่อพลอยเฟส 2 ขยายกำลังผลิต ขณะที่ธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าก็ขยายกำลังการผลิต ส่วนราคาน้ำตาลที่ชะลอไม่กระทบ เพราะล็อกราคาล่วงหน้า 90% แล้วซึ่งสูงกว่าราคาตลาด ขณะที่ธุรกิจในลาวและกัมพูชาผลดำเนินงานดีขึ้นเรื่อยๆ คาดเห็นกำไรปีหน้า
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาพื้นฐาน(บาท) บล.เอเซียพลัส ซื้อ 21.46 บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 14.65 (เล็งปรับvaluationขึ้น) บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(TH) ซื้อ 17.00 บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 17.60 บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 15.50 บล.บัวหลวง ซื้อ 18.00
นายธิปธวัช สุวรรณธำรงค์ นักวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส แนะ"ซื้อ"โดยมองว่า KSL ในปี 55 ค่อนข้างสดใสถึงแม้ราคาน้ำตาลตลาดโลกช่วงนี้ชะลอตัว แต่บริษัทได้ล็อกสัญญาขายล่วงหน้าไว้แล้ว 90% ทำให้ค่อนข้างปลอดภัย ปริมาณขายน่าจะเพิ่มขึ้นเพราะโรงงานน้ำตาลบ่อพลอยเฟส 2 เริ่มกำลังการผลิตใหม่ ทำให้มี capacity เพิ่มอีก 25% จากปีก่อน KSL สามารถนำอ้อยเข้าหีบได้เพิ่มมากกว่าปีที่แล้ว 13%
ส่วนเอทานอลมีการตั้งโรงงานใหม่ขยาย capacity ขึ้นเกือบเท่าตัว และธุรกิจโรงไฟฟ้าขยายกำลังผลิตเป็น 40 เมกะวัตต์ จากปีก่อน 30 เมกะวัตต์
"ทุกอย่างทั้งธุรกิจหลักน้ำตาลทราย เอทานอล และไฟฟ้าจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ปีนี้ KSL เติบโตต่อเนื่องได้"นายธิปธวัช กล่าว
ส่วนประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทเชื่อว่ามีผลกระทบต่อ KSL น้อยมาก แต่นโยบายภาครัฐที่ใช้มาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% จาก 30% เป็นปัจจัยบวก เพราะในแง่ค่าแรงเพิ่มเป็น 300 บาททำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้นอีก 80 ล้านบาท แต่มาตรการภาษีทำให้ประหยัดได้ 120 ล้านบาท เมื่อคำนวณสุทธิแล้วได้ประโยชน์ 40 ล้านบาท หรือ 1-2% ดังนั้น จึงยังคาดว่าปี 55 กำไรน่าจะสูงกว่าปี 54
น.ส.นารี อภิเศวตกานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น KSL หลังปี 54 กำไรดีกว่าคาด ปี 55 ยังโตได้ต่อเพราะปริมาณอ้อยในปีนี้ยังสูงอยู่ และราคาที่ขายล่วงหน้ายังสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน ดังนั้น ราคาน้ำตาลที่ลงตอนนี้ไม่มีผลกระทบต่อบริษัท
"อยู่ระหว่างปรับ valuation ขึ้นเพราะงบฯปี 54 สดใส และปี 55 กำไรก็จะดีกว่าเพราะโครงการที่บ่อพลอยเดินเครื่องมากขึ้น และธุรกิจที่ลาว กัมพูชาปีนี้น่าจะขาดทุนน้อยกว่าปีก่อน และเอทานอลปีนี้น่าจะขายได้ปริมาณมากขึ้น"
นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(TH)แนะ"ซื้อ"จากปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่ 95 ล้านตันอ้อย ราคาน้ำตาลในตลาดโลกยังอยู่ในระดับดี โดยมองที่ 22-30 เซ็นต์/ปอนด์ มีธุรกิจเอทานอลที่เพิ่มและยังมีธุรกิจไฟฟ้าด้วย ปี 55 ยังดีต่อเนื่องมองกำไรไม่ต่ำกว่าปี 54 ที่ 1,900 ล้านบาท ปีนี้น่าจะเห็นที่ 2,000 กว่าล้านบาท
ช่วงนี้เป็นปีทองของธุรกิจน้ำตาลเพราะโมลาสที่เอาไปทำเอทานอลมาร์จินค่อนข้างดีเพราะราคาโมลาสตกลงมา ส่วนธุรกิจน้ำตาลในต่างประเทศคาดปี 56 จะเป็นปีที่จะเริ่มกลับมาเป็นกำไร หลัง 5 ปีที่ผ่านมาขาดทุน ซึ่งหากไม่ขาดทุนก็จะทำให้earning ดีขึ้น ส่วนน้ำท่วมทำให้ปริมาณอ้อยลดลงประมาณ 2% ถือว่าไม่มากนัก