นอกจากนี้ การเปิดศูนย์การค้าใหม่ๆ ในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโคมไฟและอุปกรณ์แสงสว่างให้กลับมาคึกคัก และสะท้อนไปยังยอดขายของบริษัทฯ ให้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ วางเป้ารายได้ปี 2555เติบโต 10 — 15% ตามทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม
ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 700 ล้านบาท เป็นงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงไตรมาส 2 ปี 2555 สำหรับงานในต่างประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้าหลักของบริษัทฯ อยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว สิงคโปร์ เวียดนาม และพม่า โดยคาดว่าจากการเจาะตลาดสร้างฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง จะส่งผลให้งานต่างประเทศของบริษัทฯ ในปี 2555 เติบโตต่อเนื่องจากปี 2554 ในขณะที่งานในประเทศ มีการเข้าประมูลงานใหม่ๆ ต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้งานในมือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“สำหรับผลประกอบการในปี 2554 คาดว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ เติบโตประมาณ 20% แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วม จะส่งผลให้การส่งมอบสินค้าล่าช้าไปบ้าง แต่คาดว่าคำสั่งซื้อทั้งหมดจะทยอยส่งมอบแล้วเสร็จในครึ่งแรกปีนี้ ส่วนทั้งปีเชื่อว่าธุรกิจจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการธุรกิจได้ดีทั้งส่วนของตลาดในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับธุรกิจโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างยังเติบโตอีกมาก จากความต้องการใช้ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากวิกฤตน้ำท่วม และเทรนด์การเปิดห้างสรรพสินค้าใหม่แม้จะไม่มากเท่าปีก่อน แต่พบว่ามีห้างสรรพสินค้าเปิดตัวทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดจำนวนมาก ซึ่งบริษัทฯ ยังเข้าประมูลงานใหม่ๆ ทุกสัปดาห์ มูลค่าโครงการอยู่ที่ประมาณโครงการละ 1 — 10 ล้านบาท ล้วนเป็นปัจจัยเสริมผลให้ผลประกอบการเติบอย่างเห็นได้ชัด" นายปกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ในประเทศ ได้เห็นถึงความสำคัญของการใช้สินค้าอุปกรณ์เกี่ยวกับแสงสว่าง เพื่อใช้ทดแทนส่วนที่ชำรุด หรือเสียหายภายหลังวิกฤตน้ำท่วม บริษัทฯ จึงได้ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยการตรึงราคาผลิตภัณฑ์ ไว้ที่ระดับเดิมแม้ว่าต้นทุนบางส่วนจะเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้น ได้เตรียมเพิ่มกำลังผลิตเป็น 70 — 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ จากปัจจุบันที่ผลิตอยู่ที่ประมาณ60% ของกำลังการผลิตทั้งหมด