นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังจะออกเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ใช้ตราสารอนุพันธ์ในการป้องกันความเสี่ยง ซึ่งต้องมีฐานะการลงทุนสุทธิในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เฉลี่ยรอบปีบัญชี ซึ่งล่าสุดคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.พ.55 ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว บลจ.ไทยพาณิชย์จะเปิดให้นักลงทุนสามารถซื้อหรือสับเปลี่ยนเข้ากองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท (SCBLTS) ซึ่งเป็นกองทุนที่ต้องปฎิบัติตามเกณฑ์ใหม่ได้จนถึงวันที่ 31 ม.ค.55
อย่างไรก็ตาม หากสำนักงานก.ล.ต.มีการประกาศขยายผลบังคับออกไปอีก บริษัทฯก็จะขยายเวลาออกไปจนถึงก่อนวันที่จะมีผลบังคับใช้ 1 วันทำการ
นอกจากนี้ ผู้ถือหน่วยที่ถือกองทุน SCBLTS ภายหลังวันที่มีผลบังคับใช้ จะยังคงสามารถถือครองต่อไปเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้เหมือนปกติ หรือจะสับเปลี่ยนหน่วยหรือขายออกก็ได้ แต่หากขายหรือสับเปลี่ยนออกไปแล้วจะไม่สามารถสับเปลี่ยนกลับเข้ามาได้อีกภายหลังเกณฑ์ใหม่มีผลบังคับใช้
สำหรับกองทุน SCBLTS มีนโยบายการลงทุนที่เน้นความระมัดระวัง โดยใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าในการลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ต้องการความเสี่ยงที่ต่ำกว่ากองทุน LTF ทั่วๆไปที่มีการลงทุนในหุ้นเกือบ 100 % ปัจจุบันมีขนาดกองทุน ณ วันที่ 30 พ.ย.54 ประมาณ 4,537.05 ล้านบาท ซึ่งนับว่าใหญ่ที่สุดในกองทุนที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
นางโชติกา กล่าวว่า นับจากวันที่ 1 ก.พ. 55 เป็นต้นไป หากผู้ลงทุนต้องการลงทุนเพิ่มในกองทุน LTF ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ และมีความเสี่ยงน้อยกว่ากองทุน LTF ทั่วๆไป อาจเลือกลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล( SCBLT1) แทนได้ ซึ่ง กองทุน SCBLT1 มีนโยบายการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% โดยเฉลี่ยในแต่ละรอบบัญชี มีขนาดกองทุน ณ วันที่ 30 พ.ย.2554 อยู่ที่ 22,042.24 ล้านบาทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงปัจจุบันได้จ่ายปันผลไปแล้ว 10 ครั้ง รวม 2.2250 บาทต่อหน่วย