ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โกซีส์ ของฝรั่งเศส ได้ตกลงกันในที่ประชุมเมื่อวานนี้ว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังดีดตัวขึ้นหลังจากสหรัฐเผยยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายค่อนข้างบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะบริษัทหลายแห่งของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 32.77 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 12,392.69 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 2.89 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 1,280.70 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 2.34 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 2,676.56 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีแมร์เคลและประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ผู้นำทั้งสองสนับสนุนการใช้มาตรการจัดเก็บภาษีการทำธุรกรรมการเงินในยุโรป และให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก เพื่อเป้าหมายที่จะต่อสู้กับวิกฤตหนี้ที่ยังคงยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้
ขณะเดียวกัน ผู้นำทั้งสองกำลังเร่งดำเนินการเรื่องการสมทบเงินเข้าสู่กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESM) เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกยูโรโซนลงนามในบทบัญญัติทางการคลังภายในวันที่ 1 มี.ค.นี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 2.04 หมื่นล้านดอลลาร์ แตะระดับ 2.48 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นรแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคครัวเรือนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการยื่นของกู้ยืมเงิน ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ก็พร้อมที่จะปล่อยเงินกู้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างซบเซาและวอลุ่มการซื้อขายอยู่ในระดับบางเบา เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่บริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ปิดบวก 2.9% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ผลประกอบการของอัลโคจะปรับตัวลดลงในไตรมาส 4 ปี 2554 เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้อุปสงค์ซบเซาลงด้วย
หุ้นเนทฟลิกซ์ อิงค์ พุ่งขึ้น 13.8% หลัจากบริษัทนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นอังกฤษและไอร์แลนด์ ขณะที่หุ้นแคทเตอร์ พิลลาร์ ปิดบวก 1.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ย. วันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book)
วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนม.ค.