โบรกฯแนะลงทุนกลุ่มแบงก์เชื่อสินเชื่อโตหลังน้ำลดคลายกังวลกองทุนฟื้นฟูฯ

บล.เกียรตินาคิน ยังให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคาร “มากกว่าตลาด" เลือก KTB และ TISCO เป็นหุ้น Top pick ถึงแม้ว่าขณะนี้กลุ่มธนาคารมีความเสี่ยงจากความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการลดหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แต่เรายังคงมองว่ากลุ่มธนาคารยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ในปีนี้

สินเชื่อลูกค้ารายใหญ่จะยังคงเป็นสินเชื่อหลักที่ทำให้สินเชื่อของกลุ่มธนาคารเติบโตในปีนี้ จากความต้องการเพื่อฟื้นฟูหลังน้ำท่วมและการลงทุนใหม่ยังคงมีอยู่มาก เราจึงยังคงให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคาร “มากกว่าตลาด" เรายังมองว่าธนาคารขนาดใหญ่มีความน่าสนใจลงทุนมากกว่า เนื่องจากจะสามารถรองรับความต้องการสินเชื่อของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ได้มากกว่าธนาคารขนาดเล็ก

เราเลือก KTB และ TISCO เป็นหุ้น Top pick เนื่องจากมองว่า KTB น่าจะได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่จากรัฐบาล และมีระดับเงินปันผลตอบแทนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ ให้ราคาเหมาะสม KTB ไว้ที่ 16.80 บาท และ TISCO เป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากดอกเบี้ยขาลง และมีเงินปันผลสูง ให้ราคาเหมาะสม 47 บาท

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟู ฯ ลดความน่ากังวลลง แต่ยังคงต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ โดยที่กลุ่มธนาคารได้รับแรงกดดันจากการโอนหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ กลับมาให้กับ ธปท.เป็นผู้จัดการชำระหนี้ ทำให้มีความกังวลว่ากลุ่มธนาคารอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการเพิ่มเงินสมทบที่จัดเก็บเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝากเพื่อนำมาชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ

แต่จากการประเมินของเรา พบว่าการเพิ่มสัดส่วนการจัดเก็บจากเดิมที่ 0.4% ขึ้นทุก 0.1% จะทำให้กลุ่มธนาคารที่ศึกษาอยู่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 6.9 พันล้านบาท และจะทำให้กำไรสุทธิของกลุ่มนั้นลดลงประมาณ 4.5% และหากธปท.ต้องการเพิ่มการจัดเก็บเงินสมทบเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝากเพื่อให้เพียงพอสำหรับชำระหนี้ได้ ธปท.จะต้องเพิ่มการจัดเก็บเงินสมทบเป็นประมาณ 0.65% ของเงินฝากเฉลี่ย ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารลดลง 29%

TISCO ปิดตลาดวานนี้ (9 ม.ค.54) ที่ 37.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

KTB ปิดตลาดวานนี้ (9 ม.ค.54) ที่ 14.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท