ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 69.78 จุดรับผลประกอบการ "อัลโค"

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 11, 2012 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท อัลโค อิงค์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทอื่นๆที่เริ่มทยอยกันรายงานในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป หลังจากมีรายงานว่าฟิทช์จะยังไม่ปรับลดอันดับเครดิต AAA ของฝรั่งเศสในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 69.78 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 12,462.47 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 11.38 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 1,292.08 จุด ดัชนี Nasdaq บวก 25.94 จุด หรือ 0.97% ปิดที่ 2,702.50 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า แม้ว่าบริษัทมีตัวเลขขาดทุน 191 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 แต่รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 5.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

นายเคลาส์ ไคลน์เฟลด์ ซีอีโอของอัลโค คาดว่าความต้องการแร่อลูมินัมในตลาดโลกจะขยายตัว 7% ในปี 2555 ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในวงกว้าง เนื่องจากมีอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่ใช้แร่อลูมินัมเป็นวัตถุดิบในการผลิต

นอกจากนี้ การแสดงความคิดเห็นของซีอีโออัลโคยังทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทอื่นๆที่เริ่มทยอยกันรายงานในสัปดาห์นี้และอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า โดยนักลงทุนมองว่าหากผลประกอบการของภาคเอกชนแข็งแกร่งขึ้น ก็จะช่วยกระตุ้นการจ้างงานและการใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้นตามมาด้วย

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อฟิทช์ เรทติ้งส์ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของฝรั่งเศสในปีนี้ แม้ได้ออกรายงานเตือนว่าหลายประเทศในยูโรมีความเสี่ยงที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในช่วงปลายเดือนนี้ รวมถึงอิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ และไซปรัส

การที่ฟิทช์ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสในปีนี้ได้หนุนตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นถ้วนหน้า และยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ปริมาณสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย.ขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% และสะท้อนให้เห็นว่า ภาคค้าส่งซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ยังไม่ค่อยมั่นใจในแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากเท่าใดนัก

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 5.7% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารหรือ KBW Bank Index ปรับตัวขึ้น 1.9%

หุ้นแคทเตอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างและเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 3% ขณะที่หุ้นอัลโค อิงค์ ปรับตัวขึ้น 0.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

อย่างไรก็ตาม หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ดิ่งลง 8.3% หลังจากบริษัทได้แสดงความกังวลว่ายอดจำหน่ายยางรถยนต์อาจลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่หุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกอัญมณีรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 10% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้ เนื่องจากยอดขายในตลาดสหรัฐและยุโรปชะลอตัวลง นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ