สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 44,961 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 38,935 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 86% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 4,292 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี และ 5 ปี (LB15DA LB176A และLB17OA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,670 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 845 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL145A , AYCAL12OA) และหุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC153A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 410 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 13,677 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 837 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 5,822 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ขยับตัวในกรอบแคบๆ โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารอายุน้อยกว่า 6 เดือน ปรับตัวลดลงประมาณ -1 Basis Point ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของตราสารอายุ 1 ปี ถึง 20 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงประมาณ 1 ถึง 3 Basis Point ส่วนอัตราผลตอบแทนของตราสารอายุ 20 ปีขึ้นไป ปรับตัวลดลงประมาณ -1 ถึง -4 Basis Point โดยภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ในวันนี้ การซื้อขายส่วนใหญ่ (86%) กระจุกตัวอยู่ในตราสารระยะสั้นที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากตลาดเริ่มคลายความกังวลในเรื่องของอุปทาน (Supply) ของตราสารหนี้ที่จะหายไป หลักจากทราบข่าวการประมูลในสัปดาห์หน้า ในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศเน้นขายตราสารระยะสั้น อายุไม่เกิน 1 ปีเป็นหลัก
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.09% ปรับตัวลดลง 0.01% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.12% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.02% จากวันก่อนหน้า