"บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม"เล็งเข้าตลาดปี 59 หลังดึง"กองทุนไทยทวีทุน"ร่วมทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 12, 2012 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ช่วงปี 59 ปัจจุบันผลประกอบการทำได้ตามเกณฑ์แล้ว ช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 40% ต่อปี ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 1 พันล้านบาทในปี 56 จากปี 54 ที่มีรายได้ 400 ล้านบาท

บริษัทขยายกำลังการผลิตด้วยการสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ที่ จ.ชัยนาท เพื่อผลิตเพิ่มเป็น 650 ล้านชิ้น/ปี จากปัจจุบัน 250 ล้านชิ้น/ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 800-1,000 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมดำเนินการในไตรมาส 3/55 โดยแหล่งเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากกองทุนไทยทวีทุน 2 ที่มี บลจ.กรุงไทยเป็นผู้บริหารกองทุนได้เข้าร่วมทุนกับบริษัท โดยลงทุนเป็นหุ้นกู้แปลงสภาพ 450 ล้านบาท

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนในบริษัทนี้คาดว่าจะเติบโตสูง เพราะกระแสอนุรักษ์และใส่ใจสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นที่สนใจทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในบริษัทในและนอกตลาดและคาดว่าจะได้ผลตอบแทน 15-20% ต่อปี ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยทวีทุน 2 ปัจจุบันมีวงเงิน 2,530 ล้านบาท ลงทุนไปแล้ว 1,900 ล้านบาท

ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ในฐานะที่ปรึกษา บมจ.บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การที่บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำประมาณ 2% และเมื่อแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญแล้ว PE ก็ต่ำกว่าตลาดหรืออยู่ที่ 7-8 เท่า ถ้าเทียบ PE ตลาดตอนนี้ 12 เท่า

ประกอบกับ บริษัทต้องการรอให้ธุรกิจเติบโตอย่างเต็มที่ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องจัดระบบโครงสร้างทางการเงิน การบริหารจัดการ มาตรฐานบัญชี เพื่อให้ได้ตามเกณฑ์ จากนั้นจึงค่อยระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป(IPO)ซึ่งจะทำให้ได้ราคาดี

บมจ.บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุอาหารเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม"ไบโอชานอ้อย" หรือ BIO ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ คือ เยื่อชานอ้อย ผลิตภัณฑ์มีมากกว่า 70 แบบ เช่น จาน ชาม ถ้วย แก้วน้ำ และกล่องมีฝาปิด ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ใน 45 วัน ปัจจุบันมีสัดส่วนส่งออก 70% ในประเทศ 30% ลูกค้าหลักต่างประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา สวีเดน นอร์เวย์ ในกลุ่มยูนิเวอร์เซลสตูดิโอ สวนสนุก และ วอลล์มาร์ท ส่วนในประเทศเป็นโมเดิร์นเทรด ได้แก่ เทสโก้โลตัส และบิ๊กซี

นายสมภพ กล่าวว่า บริษัทยังมีลูกค้าที่ต้องการระดมทุนในลักษณะดังกล่าวอีก 2 ราย คือ ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง และธุรกิจพลังงานทางเลือกอีก 1 บริษัท โดยตั้งฮั่วเส็ง คาดว่ากองทุนไทยทวีทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งโดยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.)ร่วมกับรัฐบาลบรูไนที่สนใจเข้าร่วมลงทุน จะเข้าลงทุนหุ้นกู้แปลงสภาพประมาณ 250-300 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เปิดสาขา 10 สาขาต่อปี

ส่วนธุรกิจพลังงาน ต้องการออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่าลงทุน 25-30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนโครงการเอทานอลครบวงจร กองทุนไทยทวีทุนก็สนใจเข้าร่วมเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 รายนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยก็น่าจะใกล้เคียง 2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ