สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 40,436 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 31,066 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 77% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 6,439 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี 2 ปี และ 3 ปี (LB133A LB145B และLB15DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,075 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,262 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG12DA) หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL145A) และหุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(PTTC153A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 773 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 6,723 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 1,837 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 3 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในตราสารช่วงอายุ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือโดยเฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 ถึง 2 Basis Point โดยภาพรวมของตลาดตราสารหนี้มีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง การซื้อขายส่วนใหญ่ (77%) กระจุกตัวอยู่ในตราสารระยะสั้นที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับการที่รัฐบาลได้ออกกฎหมายเพื่อโอนการชำระหนี้คืนกองทุนฟื้นฟูให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.09% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.13% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% จากวันก่อนหน้า