ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 21.57 จุดรับผลประมูลบอนด์อิตาลี-สเปน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 13, 2012 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) ขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลอิตาลีและสเปนสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรได้มากกว่าเป้าหมาย และต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวลดลง ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงในช่วงเช้าอันเนื่องมาจากข้อมเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 21.57 จุด หรือ 0.17% แตะที่ 12,471.02 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.02 จุด หรือ 0.23% แตะที่ 0.23% แตะที่ 1,295.50 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 13.94 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 2,724.70 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.1% น้อยกว่าเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 0.4% ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ม.ค. เพิ่มขึ้น 24,000 ราย แตะ 399,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 375,000 ราย

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีและสเปนช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา โดยเมื่อวานนี้ รัฐบาลอิตาลีสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรอายุ 1 ปีได้ 8.5 พันล้านยูโรในวันนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทน 2.735% ลดลงจากระดับ 5.95% ขณะที่สเปนสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรได้เกือบ 1 หมื่นล้านยูโร (1.27 หมื่นล้านดอลลาร์) ด้วยอัตราการเสนอซื้อมีอยู่มากกว่าพันธบัตรที่นำออกจำหน่ายกว่า 2 เท่า

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.0% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบียังได้แสดงความเชื่อมั่นในมาตรการปล่อยเงินกู้ให้กับภาคธนาคาร แม้เขามองว่าภาวะตึงตัวในตลาดการเงินยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมในยูโรโซนก็ตาม

การแสดงความคิดเห็นในด้านบวกของนายดรากิ โดยเฉพาะการคาดการณ์ที่ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในปี 2555 เพราะได้แรงหนุนจากอุปสงค์ทั่วโลกที่ปรับตัวดีขึ้นนั้น ช่วยชดเชยปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ และยังช่วยให้นักลงทุนรู้สึกผ่อนคลายจากความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรป

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีข่าวว่าสหภาพยุโรป (อียู) อาจจะเลื่อนการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งการปรับตัวลงของราคาน้ำมันทำให้นักลงทุนมองว่าจะช่วยลดต้นทุนค่าครองชีพของผู้บริโภค และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวในอีกทางหนึ่งด้วย

หุ้นเชฟรอน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 ที่ต่ำเกินคาด ขณะที่หุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของโลก ดีดขึ้น 3.1% หุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมก่อสร้างและเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 2.3%

หุ้นดาว เคมิคอล พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศยกเลิกภาษีนำเข้าเคมีภัณฑ์จากสหรัฐที่ใช้ในงานเคลือบกระดาษและสี

ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นลงคละเคล้ากันไป โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค บวก 0.5% ก่อนที่เจพีมอร์แกนจะเปิดเผยผลประกอบการในวันพรุ่งนี้ ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.2% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวลง 0.1%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ