ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) หลังจากเทสโก้ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ หลังจากยอดขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานยอดค้าปลีกที่อ่อนแอลงของสหรัฐ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้บดบังผลการประมูลพันธบัตรของอิตาลีและสเปน
ดัชนี Stoxx Europe 600 Index ร่วงลง 0.2% ปิดที่ 249.50 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีบวก 26.87 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 6,179.21 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสลดลง 4.85 จุด หรือ 0.15 % ปิดที่ 3,199.98 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษขยับลง 8.40 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 5,662.42 จุด
หุ้นเทสโก้ร่วงลง 16 % ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2531 หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่น้อยกว่าการคาดการณ์ และยังได้ปรับดลคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วยเช่นกัน โดยหุ้นเจ แซนบิวรี และหุ้นวิลเลียม มอร์ริสัน ซูเปอร์มากเก็ต ดิ่งลงกว่า 5% ขณะที่หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ร่วงลง 2%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.1% น้อยกว่าเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 0.4% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่าอิตาลีสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรอายุ 1 ปีได้ 8.5 พันล้านยูโรในวันนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทน 2.735% ลดลงจากระดับ 5.95% และสเปนสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรได้เกือบ 1 หมื่นล้านยูโร (1.27 หมื่นล้านดอลลาร์)
หุ้นยูนิเครดิตพุ่งขึ้น 14% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นยูนิเครดิตขึ้นสู่ระดับ “buy" จากระดับ “neutral"