สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 4,306 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 3 ปี 5 ปี และ 13 ปี (LB15DA LB176A และLB25DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 2,231 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 668 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT183A , MINT155A) และหุ้นกู้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI12NA) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 504 ล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 47,999 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 9,594 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 7,406 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ค่อนข้างคงที่ตลอดทุกช่วงอายุของตราสาร โดยภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในวันนี้ การซื้อขายส่วนใหญ่ (96%) กระจุกตัวอยู่ในตราสารระยะสั้นที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศมีแรงซื้อในทุกช่วงอายุของตราสาร อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดตราสารหนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.09% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.14% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% จากวันก่อนหน้า