ตลาดหุ้นสหรัฐปิดต่ำลงเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) ในขณะที่เจพีมอร์แกน เชสรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ย่ำแย่กว่าที่คาดไว้ ขณะที่รายงานที่ว่า หลายประเทศในยุโรปจะถูกลดอันดับเครดิต กระตุ้นความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับวิกฤติหนี้ของภูมิภาค
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 48.96 จุด หรือ 0.39% มาที่ 12,422.06 จุด หลังจากที่ปรับขึ้น 21.57 จุดเมื่อวันพฤหัสบดี ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 6.41 จุด หรือ 0.49% มาที่ 1,289.09 จุด ดัชนี Nasdaq ติดลบ 14.03 จุด หรือ 0.51% มาที่ 2,710.67 จุด
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า ตลาดหุ้นเผชิญแรงเทขายอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุ้นกลุ่มการเงิน ในขณะที่ดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 160 จุดจากรายงานที่ว่า สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) จะลดอันดับเครดิตระยะยาวของฝรั่งเศสและบางประเทศในยูโรโซนเมื่อวานนี้ ในขณะที่เอสแอนด์พีประกาศเครดิตพินิจเชิงลบต่อ 15 ประเทศเมื่อต้นเดือนธ.ค.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รมว.คลังฝรั่งเศสได้ยืนยันก่อนปิดตลาดว่า อันดับเครดิต AAA ของฝรั่งเศสจะถูกปรับลด 1 ขั้น โดยต่อมาเอสแอนด์พีประกาศว่า จะปรับลดอันดับเครดิตของฝรั่งเศสลง 1 ขั้น จาก AAA สู่ AA+
ประเทศอื่นๆในยุโรป อาทิ อิตาลี, สเปน และโปรตุเกส อยู่ในรายชื่อที่อาจจะถูกปรับลดเครดิตเช่นกัน
การปรับลดอันดับเครดิตจำนวนมากทำให้นักลงทุนวิตก ในขณะที่ความต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงถ่วงตลาด
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในช่วงท้ายของการซื้อขาย ตลาดฟื้นตัวขึ้นบางส่วน เช่นเดียวกับตลาดยุโรป ท่ามกลางทัศนะที่ว่า การปรับลดอันดับเครดิตอาจจะอยู่ภายในขอบเขตที่คาดไว้
ในขณะเดียวกัน ผลประกอบการไตรมาส 4 ของเจพี มอร์แกน เชส ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของตลาด ในขณะที่ทั้งรายได้และผลกำไรลดลงอย่างมาก ผลประกอบการรายไตรมาสที่ย่ำแย่ของเจพี มอร์แกน เชสถ่วงหุ้นกลุ่มการธนาคารและสร้างแรงกดดันต่อตลาด
ในด้านเศรษฐกิจนั้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับขึ้นสู่ 74 ในเดือนม.ค. จาก 69.9 ในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่าประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 71.5