นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อาร์เอส (RS) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าปี 55 จะมีรายได้รวม 3,200 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 20% ได้แน่นอน โดยเป็นสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเพลงและดิจิตอล 950 ล้านบาท ธุรกิจโชว์บิซ 850 ล้านบาท ธุรกิจกีฬา 230 ล้านบาท และธุรกิจสื่อ 1,170 ล้านบาท
บริษัทยังคงเน้นการผนวกคอนเทนต์บันเทิงรวมกับสื่อทุกประเภทที่มีอยู่ในมือเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน พร้อมกับต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีความแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโต อีกทั้งยังเดินหน้าลุยงานบรอดคาสติ้งอย่างเต็มกำลัง และยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจโทรทัศน์ที่เป็นดาวรุ่งที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา รวมถึงธุรกิจกีฬาที่เพิ่งคว้าสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลดังระดับโลกอย่าง ลาลีกา สเปน มาได้ถึง 3 ปีซ้อน ควบคู่กับการพัฒนาและสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดร่วมกับลูกค้า ผ่านหน่วยงานบริหารลูกค้าองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม RS เชื่อว่าในปีนี้จะสามารถเดินหน้าและผลักดันธุรกิจทั้งหมดในเครือให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
"ทิศทางการดำเนินธุรกิจของอาร์เอสในปี 2012 ภายใต้คอนเซ็ปต์ A Year of Social Entertainment จะมุ่งสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ควบคู่กับการรุกธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งเพื่อเสริมกับกลุ่มธุรกิจทั้งหมดในเครืออาร์เอสให้เดินหน้าไปพร้อมๆกัน ทั้งกลุ่ม Entertainment Content Provider และกลุ่ม Media Service ด้วย Social Entertainment ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากโซเชียล เน็ตเวิร์ค(Social Network)อันได้แก่ facebook, twitter, etc ซึ่งจากที่เคยใช้การบอกต่อกันไปได้เพียงไม่กี่คนในอดีต จึงเกิดเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่สามารถส่งต่อและแบ่งปันข้อมูลของตัวเองไปสู่คนได้อีกเป็นจำนวนมาก จนเข้าสู่ยุคของการส่งต่อข้อมูลข่าวสาร และนั่นคือที่มาของการส่งต่อคอนเทนต์บันเทิง และเครือข่ายของสังคมออนไลน์ขึ้น โดยอาศัย Platform ใหม่ๆ อาทิเช่น Internet TV หรือการ share link VDO ของ Youtube ไปให้เพื่อนๆ ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งเป็นเทรนด์ที่มาแรงสำหรับปีนี้"นายสุรชัย กล่าว
ตัวขับเคลื่อนสำคัญของธุรกิจคอนเทนต์ในปี 2555 ก็คือ ธุรกิจเพลงและดิจิตอล (Music & Digital) ที่เดินหน้าธุรกิจเพลงอย่างเต็มกำลังในยุคดิจิตอลสมบูรณ์แบบ ทั้งส่วนของ Mobile และ Online ปัจจุบันเราสามารถครองแชมป์ตลาดเพลงวัยรุ่นภายใต้แบรนด์ Kamikaze อีกทั้งเพลงลูกทุ่งของ RS ภายใต้แบรนด์ อาร์สยาม ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเป็นผู้นำในตลาดเพลงลูกทุ่งดิจิตอล และคาดว่าจะทำรายได้อยู่ที่ 950 ล้าน
อีกทั้งในปีนี้คาดว่าธุรกิจเพลงและดิจิตอลจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ถึงแม้การละเมิดลิขสิทธิ์จะยังไม่หมดไป แต่ในอนาคตบริษัทมีแผนจะทำการตลาดแบบใหม่จากเดิมในรูปแบบ มิวสิค ดาวน์โหลด (Music Download) เข้าสู่ยุคของ มิวสิค สตรีมมิ่ง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศในขณะนี้ คือเป็นการดึงเพลงขึ้นมาฟังได้เลยจากระบบออนไลน์โดยไม่ต้องมีการดาวน์โหลดเก็บไว้
ทั้งนี้ธุรกิจเพลงจะต้องทำงานร่วมกับค่ายมือถือหรือโอเปอร์เรเตอร์ (Mobile Operators) และเมื่อเทคโนโลยีอำนวยก็คาดว่าระบบนี้ได้ในอนาคตอันใกล้ หวังขยายฐานลูกค้าและจับกลุ่มผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในกลุ่มสมาร์ทโฟน ( Smart Phone)จากการสำรวจพบว่าในปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้บริการสมาร์ทโฟน มากถึง 30 % จากผู้ใช้งานโทรศัพท์ทั้งหมด แต่เป็น 30 % ที่มีกำลังซื้อสูงจึงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจในการทำตลาดด้วยเป็นอย่างมาก
ธุรกิจโชว์บิซ (Showbiz) จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาส่งผลให้มีการชะลอตัวของงานกิจกรรมและมารุกหนักในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งจะมีทั้งหน่วยงานราชการและเอกชนแบ่งสัดส่วนเป็น งานราชการ 70 % และเอกชน 30% ในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับคอนเสิร์ตใหญ่แห่งปีที่ทุกคนต้องพูดถึงอย่าง RAPTOR 2011 THE CONCERT ในปีนี้อาร์เอสสานต่อความสำเร็จโดยการวางแผนจัดคอนเสิร์ตของศิลปินที่จะกลับมาสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอีกครั้ง รวมไปถึงคอนเสิร์ตจากศิลปินยอดนิยมจากอาร์เอส Kamikaze และอาร์สยามตลอดทั้งปี 55 คาดว่าคอนเสิร์ตใหญ่ๆที่จะมีในปีนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ช่วงเดือนเมษายน คาดว่าธุรกิจนี้จะมีไม่ต่ำกว่า 10 คอนเสิร์ตน่าจะทำรายได้อยู่ที่ 850 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจกีฬา (Sport) RS คว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลดังระดับโลกอย่าง ลาลีกา สเปน 3 ปีระหว่าง 55-58 โดยมีแผนจะเปิดช่องโทรทัศน์ดาวเทียมอีก 1 ช่อง ในรูปแบบใหม่ New Definition of Pay TV ภายใต้แนวคิด ถูกกว่า สะดวกกว่า ราคาเป็นมิตร โดยคาดว่าจะมีราคาสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 100 กว่าบาทเท่านั้น ทำให้ลาลีกา สเปน เป็นที่รู้จักและเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการรองรับคอนเทนต์กีฬาได้รับชมฟุตบอลลาลีกาแบบจุใจ 380 แมตท์ตลอดฤดูกาลตั้งแต่เดือน ส.ค.55 นี้เป็นต้นไป
อีกทั้งยังมีกิจกรรมทางการตลาดและอีเวนต์ใหญ่ (Big Event) จัดขึ้นควบคู่กันไปเพื่อสร้างสีสันให้กับแฟนฟุตบอลทั่วประเทศอีกด้วย คาดทำรายได้ 230 ล้านบาท หรือเติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 1,050% จากปีก่อน สำหรับสปอนเซอร์ที่จะมาร่วมสนับสนุน ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการเจรจา
ในขณะที่ธุรกิจมีเดียก็มีแนวโน้มที่ดี ซึ่งธุรกิจวิทยุ (Radio) ภายใต้แบรนด์ Cool 93 Fahrenheit ก็มีความแข็งแกร่งในการเป็นเครื่องหมายทางการค้าที่มีมูลค่า (Brand Value) สูง ทำให้ในปีนี้ Cool93 Fahrenheit มีแผนขยายเน็ตเวิร์กเพิ่มมากขึ้น โดยการขยายเครือข่ายไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Cool93 Fahrenheit Check-in @ Chiang Mai เพื่อเป็นการเพิ่มฐานผู้ฟังไปยังเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เป็นการเพิ่มมูลค่าสื่อ (Media Value) ให้กับลูกค้าและผู้สนับสนุนที่ให้ความไว้วางใจในคลื่น Cool93 Fahrenheit มาอย่างยาวนานในฐานะคลื่นเพลง Easy Listening อันดับ1 จากการสำรวจของ Nielsen Media Research ตลอดระยะเวลากว่าสิบปี ในปีนี้คาดทำรายได้ 340 ล้านบาท หรือโตขึ้น 6 %
สำหรับธุรกิจดาวรุ่งที่เป็นตัวจักรสำคัญในการสร้างรายได้และการเติบโตอย่างมากในปีนี้ก็คือ ธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียม (Sattellite TV Market Trend) โดยในปีที่ผ่านช่องสบายดีทีวี และ YOU Channel ก็ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของรายได้ และเรทติ้ง โดยครองอันดับ 1 ในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของช่อง 8 ซึ่งเปิดตัวแรงในปีที่แล้ว ครองอันดับ 2 ในกลุ่ม Entertainment Variety ปีนี้ตั้งเป้าก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1(Top Players) ด้วยคอนเทนต์คุณภาพอย่างละครทองประกายแสด แก้วกลางดง เป็นต้น และสุดท้ายกับช่อง YAAK TV ที่เปิดตัวประสบความสำเร็จเกินคาดกับการเป็นช่องเดียวในประเทศไทยที่ใช้รูปแบบหน้าจอทีวีแบบ Social Screen ที่ดึงข้อมูลแบบ Real Time จาก Social Network ต่างๆ ทำให้ช่อง YAAK TV ได้รับการตอบรับจากกลุ่มวัยรุ่นอย่างรวดเร็ว
บริษัทประเมินว่าธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมยังมีโอกาสเติบโตและขยายตัวอีกมากในช่วง 2-3 ปีนี้ การเข้ามารุกตลาดในช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นอย่างมากและเชื่อว่าในปีนี้โทรทัศน์ในเครือ RS ทั้ง 4 ช่อง ได้แก่ สบายดี ทีวี , YOU CHANNEL รวมถึงช่อง 8 และช่อง ย๊าค ทีวี ที่เพิ่มเปิดตัวไปจะทำกำไรให้เห็นได้อย่างแน่นอน คาดทำรายได้ 750 ล้านบาท แยกเป็นรายได้จากฟรี ทีวี 200 ล้านบาท และโทรทัศน์ดาวเทียม 550 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 74%
ทั้งนี้บริษัทจะไม่เน้นการเพิ่มจำนวนช่องหรือทำธุรกิจโทรทัศน์ในรูปแบบแพลตฟอร์ม (Platform) แต่จะเน้นทำการผลิตช่องโทรทัศน์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ผู้ชมในแต่ละกลุ่มที่ชัดเจน ถึงแม้จะมีช่องโทรทัศน์เกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมเป็นธุรกิจที่มีเสน่ห์ มีตัวเลขการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดว่าในปี 55 จะมีเม็ดเงินโฆษณาที่หมุนเวียนมากถึง 3,000 ล้าน และเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านในปี 56 แต่การที่จะบริหารแล้วให้ประสบความสำเร็จนั้นยาก ผู้ที่จะอยู่รอดได้นั้นจะต้องแข่งขันและสู้ กันด้วยคอนเทนต์ที่มีคุณภาพจริงๆ ถึงจะอยู่ต่อได้