สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 33,561 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน คือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 26,458 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 79% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 5,911 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี และ 3 ปี (LB145B LB155A และLB15DA) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,824 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,120 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT183A) หุ้นกู้ของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG12DA) และหุ้นกู้ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS136A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 609 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 5,989 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตค้าตราสารหนี้มีสถานะซื้อสุทธิ 2,812 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 737 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ค่อนข้างคงที่ตลอดทุกช่วงอายุของตราสาร ประกอบกับมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางโดยภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในวันนี้ การซื้อขายส่วนใหญ่ (79%) กระจุกตัวอยู่ในตราสารระยะสั้นที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับข่าวที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ท แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 9 ประเทศในยุโรป เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทย
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดที่ 3.10% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01% จากวันทำการก่อนหน้า และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดคงที่ที่ 3.14%