บมจ.แสนสิริ(SIRI)ตั้งเป้ายอดขายรวมในปี 55 อยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 44 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4.6 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาส 1/55 บริษัทคาดว่าจะทำยอดขายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท หลังจากเปิดตัวสิริเลาจ์ และโรงงานพรีแคสที่จะเปิดเดินเครื่องผลิตในเดือน ก.พ.จะช่วยร่นระยะเวลาก่อสร้างให้ได้มาก
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ SIRI เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ 2.8 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 40% จากปี 54 และกำไรสุทธิเติบโต 10% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)แล้ว 3.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในภายในปีนี้กว่า 50% พร้อมกันนั้นยังมีโอกาสจะปรับขึ้นราคาขายโครงการอีก 5-10%
ทั้งนี้ การที่บริษัทเปิดโรงงานพรีคาสในปีนี้จะส่งผลให้มีศักยภาพในการควบคุมต้นทุนก่อสร้างและระยะเวลาในการก่อสร้าง โดยตั้งเป้าที่จะสร้างบ้าน 150 หลัง/เดือน และเพิ่มเป็น 200 หลัง/เดือนในอนาคต
สำหรับกลยุทธ์ในปี 55 จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม และกลับมาให้ความสำคัญกับโครงการระดับพรีเมียมมากขึ้น รวมถึงขยายโครงการในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น จากแผนงานในปีนี้ที่มีจำนวนโครงการทั้งหมด 44 โครงการ โดยจะเป็นโครงการในต่างจังหวัด 4-5 โครงการ อาทิที่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และ เขาใหญ่
ขณะที่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/55 คาดว่าจะสรุปรูปแบบและมูลค่าโครงการที่จะพัฒนาเพิ่มเติมในประเทศอังกฤษ จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 1 โครงการ ซึ่งจะเน้นจับกลุ่มลูกค้าคนไทย
นายเศรษฐา กล่าวว่า งบลงทุนในปีนี้ 2.4 หมื่นล้านบาทจะใช้เป็นงบในการซื้อที่ดินที่ 6 พันล้านบาท แต่หากตลาดมีความต้องการสูงและได้ทำเลดีก็อาจจะเพิ่มงบเป็น 8 พันล้านบาท โดยเงินลงทุนจะมาจากการเงินกู้สถาบันการเงินและกระแสเงินสด นอกจากนี้บริษัทมีแผนประชุมคณะกรรมการในปลายเดือนก.พ.55 เพื่อพิจารณารับรองงบการเงินของปี 54 และการจ่ายปันผล รวมทั้งมีแผนจะขออนุมัติเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้จากที่เหลืออยู่ 2 พันล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนของบริษัท
"ในปีนี้แสนสิริจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาและยังให้ความสำคัญที่คุณภาพและแบรนด์ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้ เติบโตและในปีนี้เราก็รุกการขยายตัวทั้งโครงการในกรุงเทพและต่างจังหวัดซึ่งจะทำให้เรายิ่งใหญ่ ผมไม่ห่วงในเรื่องของการแข่งขันและการเติบโตของธุรกิจอสังหาเพราะมักจะอิงกับการเติบโตเศรษฐกิจอยู่แล้วโดยมองว่าอสังหาปีนี้โต 7-10% คงจะลดดอกเบี้ยซึ่งจะช่วยกระตุ้นซื้อและไม่ห่วงเรื่องเงินเฟ้อ"นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวมีความสนใจและหาโอกาสในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน SIRI เป็น 24% จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 20% ซึ่งจะส่งผลให้สร้างความมั่นใจกับผู้ถือหุ้นในการลงทุน รวมถึงการจ่ายปันผล ช่วยสร้างความมั่นใจในตัวบริษัทได้ นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะออกไปโรดโชว์ให้ข้อมูลกับนักลงทุนที่สิงคโปร์และฮ่องกงช่วงต้นเดือนก.พ.นี้ด้วย