บลจ.กรุงไทย ออกกองทุนตราสารหนี้ 3 ,6 เดือน รับตลาดดอกเบี้ยขาลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 17, 2012 15:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 25(KTSUPB25) ระหว่างวันที่ 18-24 ม.ค.55 อายุโครงการ 3 เดือน

กองทุนมีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยตราสารหนี้ในประเทศ ประกอบด้วย พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝาก/ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย และตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย 35% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝากประจำ First Gulf Bank(FGB) เงินฝากประจำ Unoin National Bank (UNB) เงินฝากประจำ Bank of China และ MTN ของ ICBC Asia Ltd. สกุล USD ซึ่งเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน 4(KTSIV6M4) ประเภท Roll Over เสนอขายตั้งแต่วันที่ 16-20 ม.ค.55 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝาก /บัตรเงินฝาก / ตั๋วแลกเงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน และภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี

ทั้งนี้ ภาวะการลงทุนตราสารหนี้ มีแรงขายทำกำไรโดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปลายเดือนนี้จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 3.00%

ส่วนในต่างประเทศยังได้รับอิทธิพลจากภาวะเศรษฐกิจ โดย ECB ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.00% เพื่อรอดูผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรปลง ยกเว้น ประเทศเยอรมัน ผลดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ มีความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

ส่วนของความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและตั๋วแลกเงินระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ มีแนวโน้มจะปรับลดลงอีกจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และผลต่อเนื่องจากการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินฯ มาอยู่ภายใต้การจัดการของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มทำให้ภาระการส่งเงินสมทบสถาบันประกันเงินฝากปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงการเริ่มเรียกเก็บเงินสมทบจากตั๋วแลกเงิน (B/E) ที่ธนาคารพาณิชย์ระดมจากผู้ฝากเงิน นอกเหนือจากบัญชีเงินฝากปกติ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าจะมีการส่งผ่านต้นทุนดังกล่าวมายังลูกค้าของธนาคารในที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ