ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับข้อมูลศก.จีน,ผลประมูลบอนด์ EFSF

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 18, 2012 08:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากนักลงทุนมองว่า การที่เศรษฐกิจจีนขยายตัว 8.9 % ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง จะทำให้ทางการจีนเริ่มหันมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)

ดัชนี Stoxx 600 พุ่งขึ้น 0.9% ปิดที่ 253.27 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 112.92 จุด หรือ 1.82% ปิดที่ 6,332.93 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,270.97 - 6,343.04 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวขึ้น 44.99 จุด หรือ 1.4% ปิดที่ 3,269.99 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,243.37 - 3,292.59 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษดีดขึ้น 36.51 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 5,693.95 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,657.44 - 5,724.41 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) ว่า จีดีพีของจีนขยายตัว 9.2% ในปี 2554 จากสถิติปีก่อนหน้านั้น ส่วนจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2554 ขยายตัว 8.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ทำให้นักลงทุนมองว่าจะปูทางให้รัฐบาลจีนหันมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินมูลค่า 1.96 แสนล้านหยวน หรือ 2.68 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าสู่ตลาดการเงินโดยผ่านการซื้อคืนพันธบัตรอายุ 14 วัน โดยให้อัตราดอกเบี้ย 5.47%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า กองทุน EFSF สามารถระดมทุนด้วยการขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนล็อตใหม่ได้ 1.501 พันล้านยูโรเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลายุโรป ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดการเงินยังคงมีความเชื่อมั่นในตราสารหนี้ของ EFSF ถึงแม้ว่า EFSF เพิ่งจะถูกสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือก็ตาม

หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นอุตสาหกรรม 19 ประเภทที่คำนวณในดัชนี Stoxx 600 โดยหุ้นเดมเลอร์ทะยานขึ้น 3.8% และหุ้นเรโนลท์พุ่งขึ้น 2.6%

อย่างไรก็ตาม หุ้นเอสซาร์ เอ็นเนอร์จีซึ่งเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันและผลิตกระแสไฟฟ้า ร่วงลง 26% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2553 หลังจากศาลฎีกาอินเดียตัดสินให้เอสซาร์แพ้คดีเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ