บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลการจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินรวมไม่เกิน 900 ล้านบาทของ บมจ. ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON)ที่ระดับ “A" พร้อมทั้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A" เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังระบุว่าอันดับเครดิตดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative" หรือ “ลบ" ซึ่งสะท้อนแนวโน้มผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ที่จะมีต่ออันดับเครดิต
อันดับเครดิตระดับ “A" สะท้อนถึงสถานะผู้นำในธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าของบริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น ตลอดจนกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาเช่าโรงงานและคลังสินค้า และผลการดำเนินงานที่ดี ในขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตรวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในประเทศที่พัฒนาแล้วและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลงจากอุทกภัยครั้งล่าสุดในประเทศไทย
ส่วนเครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative" หรือ “ลบ" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทอาจลดลงภายหลังวิกฤติอุทกภัย ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงหากบริษัทสามารถฟื้นฟูรายได้ค่าเช่าให้กลับมาใกล้เคียงระดับเดิม ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากบริษัทต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดในการฟื้นฟูผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินให้กลับไปแข็งแกร่งดังเดิม
ทริสเรทติ้งรายงานว่า TICON เป็นผู้นำในธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในประเทศ ซึ่งก่อตั้งในปี 2533 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2545 บริษัทได้ขยายธุรกิจสู่การให้บริการคลังสินค้าให้เช่าตั้งแต่ปี 2548 โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 มีโรงงานให้เช่าจำนวน 137 โรงและมีคลังสินค้าให้เช่าจำนวน 52 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมหลัก ๆ ของประเทศ รวมเป็นพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 592,867 ตารางเมตร (ตร.ม.)
ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รายได้หลักของบริษัท (66%) มาจากการขายสินทรัพย์ของบริษัทเข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ 26% ของรายได้มาจากค่าเช่าโรงงานและคลังสินค้า โดยในระหว่างปี 2549-2553 บริษัทมีรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจีสติคส์ (TLOGIS) ประมาณ 1,900 ล้านบาทต่อปี
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ผลการดำเนินงานของบริษัทถือว่าแข็งแกร่ง โดยรายได้รวมเติบโต 128.2% เป็น 1,814 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นและการขายคลังสินค้าให้เช่าแก่ TLOGIS ทั้งนี้ รายได้ค่าเช่าเติบโต 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 705 ล้านบาท ก่อนการขายคลังสินค้าให้แก่ TLOGIS บริษัทมีพื้นที่ให้เช่ารวมเท่ากับ 569,255 ตร.ม. เพิ่มขึ้นถึง 42.2% จากสิ้นปี 2553 ในเดือนกันยายน 2554 บริษัทได้ขายคลังสินค้าให้เช่าพื้นที่รวม 55,230 ตร.ม. มูลค่า 944 ล้านบาทให้แก่ TLOGIS บริษัทมีเงินกู้รวม ณ เดือนกันยายน 2554 จำนวน 6,539 ล้านบาท และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนทรงตัวอยู่ที่ 52.8%
อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2554 ส่งผลทำให้โรงงานสำเร็จรูปให้เช่า 70 โรงและคลังสินค้าให้เช่า 12 หลังของบริษัทรวมพื้นที่ 266,074 ตร.ม. ถูกน้ำท่วม โดยโรงงานและคลังสินค้าดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมนวนคร และที่อำเภอวังน้อย ณ เดือนธันวาคม 2554 บริษัทมีพื้นที่ให้เช่ารวม 592,867 ตร.ม. ตั้งอยู่ในทำเล 13 แห่ง พื้นที่ให้เช่าในปัจจุบันที่ประสบอุทกภัยคิดเป็นสัดส่วน 38% ของพื้นที่ให้เช่ารวมของบริษัทและสร้างรายได้คิดเป็น 38% ของรายได้ค่าเช่า
รายได้ค่าเช่าที่ลดลงไปบางส่วนจะได้รับการชดเชยจากการทำประกันภัย ส่วนค่าซ่อมแซมอาคารและสิ่งก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 220 ล้านบาทนั้นส่วนใหญ่จะได้รับการชดเชยจากการทำประกันภัยเช่นกัน ผลจากอุทกภัยทำให้บริษัทต้องเลื่อนการขายโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าพื้นที่รวม 71,050 ตร.ม. มูลค่า 1,500 ล้านบาทให้แก่ TFUND ออกไปเป็นปี 2555 การสูญเสียรายได้ค่าเช่าในสัดส่วน 38% เป็นเวลาประมาณ 3-6 เดือนและการไม่มีรายได้จากการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนดังกล่าวจะมีผลทำให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงในระยะสั้น