นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC)คาดว่า รายได้ในปี 55 จะสูงกว่าในปี 54 เนื่องจากปีนี้มีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่น้อยกว่าปีก่อน อีกทั้งมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับส่วนต่างราคา(สเปรด)ผลิตภัณฑ์กับนาฟทายังอยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าจะอ่อนตัวลงบ้างในช่วงนี้ โดยประเมินว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปีนี้อยู่ที่ 105 เหรียญ/บาร์เรลสูงกว่าปี 54
"รายได้ปี 55 จะโตตามวอลุ่มที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นตามการชึ้นกำลังการผลิตเต็มกำลัง และปีนี้ shut down น้อยกว่าปีที่แล้ว ทำให้กำลังการผลิตในปี 585 สูงกว่าเล็กน้อย" นายวีรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนปิดซ่อมบำรุงในโรงงานอะโรเมติกส์ หน่วยที่ 2 ที่มีกำลังการผลิตประมาณ 1 ล้านตัน/ปี ในเดือน มี.ค.นี้ เบื้องต้นคาดว่าจะปิดซ่อม 38 วัน แต่ยังต้องรอสรุปกันอีกครั้งก่อนประกาศอย่างเป็นทางการ รวมทั้งจะหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกำจัดกำมะถันในน้ำมัน
ขณะที่ส่วนต่างราคานาฟทากับ HDPE(สเปรด)ในช่วงนี้ได้อ่อนตัวลงมาที่ 400-450 เหรียญ/ตัน จากช่วงปี 54 สเปรดเฉลี่ยอยู่ที่ 450 เหรียญ/ตัน ซึ่งเป็นไปตามวงจรธุรกิจ แต่นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ระดับสเปรดดังกล่าวอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยในปีนี้แนวโน้มดีมานด์ซัพพลายเข้าใกล้จุดสมดุลมากขึ้น และคาดว่าจะถึงจุดสูงสุดในปี 57-58
อย่างไรก็ตาม ตัวแปรสำคัญคือเศรษฐกิจและการเงินในยุโรปจะเกิดปัญหายาวนานเพียงใด และสถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้หรือไม่ เพราะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเงินของโลก และถึงแม้บริษัทจะไม่มีการส่งออกโดยตรงไปยังกลุ่มยุโรป แต่จึนซึ่งเป็นตลาดหลักของ PTTGC เป็นผู้ผลิตส่งออกไปตลาดโลก จึงมองว่าบริษัทอาจได้รับผลกระทบทางอ้อม
ปัจจุบัน บริษัท ส่งออกเม็ดพลาสติก สัดส่วน 50% ของกำลังการผลิต 1.5 ล้านตัน โดยตลาดหลักคือ จีน และ ประเทศในกลุ่มอาอาเซียน
สำหรับการลงทุนในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนประจำปีจำนวน 5 พันล้านบาท และงบลงทุน ในบริษัท Perstorp Holding France SAS ที่เข้าถือหุ้นเบื้องต้นในสัดส่วน 51% วงเงินประมาณ 5 พันล้านบาท หรือ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าในกลางปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้จาการลงทุนดังกล่าว โดย Perstorp เป็นเจ้าของสิทธิบัตรกว่า 30 ใบและเป็นผู้ผลิตและเป็นเจ้าของเทคโนโลยีในการผลิต Isocyanate ที่มีบทบาทสำคัญในยุโรปและเอเชีย