นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวางแผนการเงิน บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS)คาดว่ากำไรสุทธิปี 55 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เติบโตมากกว่ารายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 12% เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายน้อยลงจากปีก่อนที่ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ขณะที่รายจ่ายด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลในปีนี้จะลดลงเหลือ 23% จาก 30% ในปีก่อน
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ PS มั่นใจว่า รายได้ในปีนี้จะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 12% เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน(Backlog) จำนวน 1.95 หมื่นล้านบาท หรือ 75% ของ Backlog ณ สิ้นปี 54 ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท
"ปีที่ผ่านมาเราพบว่ามีลูกค้าทิ้งเงินดาวน์ 3 พันล้านบาทจากที่จองไว้ 2.7 หมื่นล้านบาท หลักๆเกิดจากผลกระทบน้ำท่วม และบางรายหันไปเอาโครงการอื่นที่ไม่โดนน้ำท่วม แต่ผมเชื่อว่าการที่เรามี REM (Real Estate Manufacturing) จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้" นายทองมา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 55 ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ 49 โครงการ มูลค่ารวม 3.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 28 โครงการ บ้านเดี่ยว 15 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ รวมทั้งยังมีโครงการต่างประเทศเพิ่มอีก 2 โครงการ
นายทองมา กล่าวว่า บริษัทมีการปรับเปลี่ยนในการพัฒนาโครงการโดยหันมาพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพชั้นในมากขึ้น ได้แก่ ทำเลแจ้งวัฒนะ และพัฒนาการ เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่อยู่ติดแนวรถไฟฟ้า
พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีการก่อสร้างภายใต้กระบวนการ Real Estate Manufactoring (REM) ซึ่งถือเป็นระบบการผลิตบ้านคล้ายการผลิตอุตสาหกรรมโรงงานขนาดใหญ่ เช่น การผลิตรถยนต์ ซึ่งจะทำให้การสร้างบ้านของบริษัทมีประสิทธิภาพและคุณภาพดีกว่าการก่อสร้างแบบเดิม โดยจะเริ่มใช้ในการก่อสร้างบ้านเดี่ยวและทาวน์เอ้าส์ และยังมีการพัฒนาออกแบบบ้านใหม่และเพิ่มระบบป้องกันน้ำท่วม
"ในปีนี้เราได้มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า เรายังคงเจาะตลาดทุกเซ็กเม้นท์ และยังเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ ซึ่งถือเป็นตลาดที่เรามีความชำนาญและมีมาร์เก็ตแชร์สูง"นายทองมา กล่าว
นายทองมา กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งงบซื้อที่ดิน 6 พันล้านบาท และอาจจะเพิ่มไปได้ถึง 8 พันล้านบาท รวมทั้งอาจจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีกเป็นมากกว่า 50 โครงการ ซึ่งจะต้องดูสัญญาณในช่วงไตรมาส 1-2/55 ก่อน หากสามารถทำรายได้ไตรมาสละ 6 พันล้านบาทซึ่งถือเป็นระดับที่ดีก็จะพิจารณาพัฒนาโครงการเพิ่มเติม
ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้วงเงิน 3-5 พันล้านบาท อายุ 3-5 ปี เสนอขายในไตรมาส 2/55 เลื่อนจากไตรมาส 4/54 หลังเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ โดยจะเน้นเสนอขายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนสถาบันและลูกค้าธนาคารที่มีเงินฝาก 25 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้บริษัทจะนำไปใช้รีไฟแนนซ์หนี้ระยะสั้น และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือน ก.ค.55 อย่างไรก็ดี การออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะไม่กระทบอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E )ที่อยู่ในระดับ 1.6 เท่า
ในส่วนการพัฒนาโครงการต่างประเทศปีนี้ นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทตามแผนพัฒนา 3 โครงการในต่างประเทศ ได้แก่ โครงการในเมืองมุมไบที่อินเดีย มูลค่าลงทุน 150 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1.6 พันล้านบาท จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังปี 55 เลื่อนจากเดิมต้นปี 55, โครงการในเมืองเชนไนที่อินเดีย เลื่อนเปิดไปปี 56 จากเดิมปี 55 มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท และ โครงการที่เมืองไหฟงของเวียดนาม จะเปิดตัวในไตรมาส 2/55 จากเดิมจะเปิดต้นปี 55 มีเงินลงทุน 240-250 ล้านบาท
ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมที่มัลดีฟนั้น บริษัทได้หยุดการลงทุนในเฟสที่ 2 เนื่องจากพบว่าขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 60 ล้านบาท ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ชะลอโครงการในต่างประเทศ เพราะบริษัทต้องการนำเม็ดเงินลงทุนมาพัฒนาโครงการในประเทศก่อน
ดังนั้น บริษัทมี 2 โครงการในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการในบังกะลอร์ที่อินเดีย เป็นโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ และโครงการคอนโดมิเนียมที่มัลดีฟ เฟส 1 ที่ได้มีการพัฒนาโครงการแล้ว 6 อาคาร จากทั้งหมด 9 อาคาร