บลจ.แอสเซทพลัส Rollover 4 กองทุนตราสารหนี้ 3,6 เดือน,ผลตอบแทน2.8-3.15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 19, 2012 14:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บลจ.แอสเซท พลัส เตรียมเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ 4 กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในช่วง 23-26 ม.ค.นี้ ได้แก่ กองทุน ASP-ACFIXED9 อายุประมาณ 6 เดือน ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ไทย, ASP-TFIXED5 ลงทุนในตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ อายุประมาณ 3 เดือน และ ASP-MMF1 ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย และต่างประเทศ อายุ 3 เดือน ทั้ง 3 กองทุน ผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี ส่วนกองทุน GBF-3M1 เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐ อายุ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.80% ต่อปี

ทั้งนี้ วันที่ 23 ม.ค. บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 9 (ASP-ACFIXED 9) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทย ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในประเทศ และรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากรอบการลงทุนนี้ กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ไทย อายุประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี

วันที่ 24 ม.ค. บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 5 (ASP-TFIXED5) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะลงทุนในตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ อายุประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี ซึ่งเหมาะกับผู้ต้องการลงทุนในระยะสั้น ๆ

วันที่ 25 ม.ค. บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้เอกชน อายุ 3 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย และต่างประเทศ ผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี

สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการลงทุนในกองทุนที่คุ้มครองเงินต้น ในวันที่ 26 ม.ค. บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐ อายุ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.80% ต่อปี

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงนี้ที่เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ประมาณ 0.5-1% และผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดลงในการประชุมปลายเดือนนี้ และน่าจะอยู่คงอัตราดอกเบี้ยที่ในระดับ 3.00% จนถึงกลางปีนี้

ประกอบกับ ปัจจัยต่างประเทศที่ยังได้รับอิทธิพลจากประเด็นปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป โดยเฉพาะการที่ประเทศกรีซ มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งรัฐบาลกรีซและสหภาพยุโรป (EU) ยังไม่มีมาตรการมารองรับ และช่วยเหลือ ตลอดทั้งการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ(Credit rating)ของประเทศใน EU ยังคงเป็นปัจจัยที่คอยกดดันบรรยากาศการลงทุน

สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ บริษัทฯ แนะนำให้ลงทุนระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อรอความชัดเจนของทิศทางอัตราดอกเบี้ย และไม่เสียโอกาสของผลตอบแทนหากธนาคารแห่งประเทศไทยมีมุมมองปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อชะลอเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ในช่วงถัดไป โดยบริษัทฯ จะเสนอขายกองทุนที่มีส่วนผสมของการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่มีความต้องการลงทุนที่แตกต่างกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ