ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) ประกาศกำไรสุทธิปี 54 ในระดับสูงที่ 36,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.9% เทียบกับปี 53 โดยกำไรสุทธิที่สูงนี้มาจากกำไรพิเศษครั้งเดียวของเงินลงทุนจากการเข้าซื้อหุ้นของ บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต 5.1 พันล้านบาท รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ด้านประกัน และรายได้จากการปริวรรต และจาก รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งสูงขึ้นมากจากการเติบโตของสินเชื่อที่ขยายตัวถึง 22.1%
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวถึงผลประกอบการปี 54 ว่า ผลกำไรที่เกิดขึ้นแสดงถึงการเติบโตที่แข็งแรงและต่อเนื่องของธนาคารแม้ในไตรมาส 4/54 เกิดวิกฤติอุทกภัยส่งผลกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ เป็นวงกว้าง และธนาคารมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ประชาชน ชุมชน และพนักงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการหยุดชะงักของบริการที่สำนักงานใหญ่หรือที่สาขาที่ประสบภัยน้ำท่วม นอกจากนี้ ธนาคารได้มีการตั้งสำรองเพิ่มเติมเพื่อรองรับหนี้ด้อยคุณภาพในไตรมาส 3/54 และไตรมาส 4/54 เป็นการแสดงถึงการดำเนินธุรกิจที่มีความระมัดระวัง
สำหรับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในปี 54 เพิ่มขึ้น 37.9% มาอยู่ที่ 41 พันล้านบาท เป็นผลจากกำไรพิเศษครั้งเดียวจำนวน 5.1 พันล้านบาทของเงินลงทุนจากการเข้าซื้อหุ้นของไทยพาณิชย์ประกันชีวิตในไตรมาส 1/54 การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในรายได้จากธุรกิจประกันแม้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากบริษัทประกันภัยในเครือในเรื่องการจ่ายชดเชยความเสียหายจากน้ำท่วม และการเติบโตของรายได้ด้านปริวรรตทั้งจากลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อย
รายได้ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 27.1% มาอยู่ที่ระดับ 51 พันล้านบาทในปี 54 ซึ่งปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยมาจากการขยายตัวของสินเชื่อในระดับสูง 22.1% และจากสภาวะอัตราดอกเบี้ยช่วงขาขึ้นในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยยังขยายตัวดีแม้ว่าธนาคารจะมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากการแข่งขันระดมเงินฝาก การออกตั๋วเงินฝากและกู้ยืมเงินจากตลาดต่างประเทศ
ไตรมาส 4/54 เป็นอีกไตรมาสที่ธนาคารมีกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 6.7 พันล้านบาท แม้ว่าธนาคารได้รับผลกระทบที่รุนแรงและไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้า การช่วยเหลือพนักงาน และการช่วยเหลือสังคม รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่และสาขาต่างๆ ของธนาคารอันเป็นผลมาจากวิกฤติน้ำท่วมที่เกิดขึ้น
ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ในไตรมาส 4/54 ธนาคารจึงมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจำนวน 2.25 พันล้านบาท เพิ่มเติมจากที่ตั้งสำรองจำนวน 1 พันล้านบาทในไตรมาส 3/54 ทั้งนี้ ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งปี 54 อยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากปี 53 และสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงต่อเนื่องจาก 3.25% ณ สิ้นปี 53 มาอยู่ที่ 2.61% ณ สิ้นปี 54
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ผลประกอบการที่สูงเป็นประวัติการณ์ของธนาคารในปี 54 ตอกย้ำถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจที่ดีอย่างต่อเนื่องมาทุกๆ ไตรมาส ตลอดจนการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าความคาดหมายต่อผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตามผลประกอบการที่ดีเป็นเพียงด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญอย่างมาก คือ การอยู่อย่างเป็นสุขของลูกค้า พนักงาน และสังคม