นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ ในเครือ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป(TISCO)เชื่อว่า กำไรสุทธิในปี 55 ยังเติบโตได้ดีและหวังว่าจะไม่ลดลงจากปีก่อนที่กำไรเติบโต 13.1% ซึ่งเป็นการเติบโตตามการขยายตัวของสินเชื่อรวมที่ ตั้งเป้าโต 10-15% ขณะที่ภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดี
ทั้งนี้ เป็นทิศทางที่สอดคล้องกับสินเชื่อทั้งระบบของธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย เนื่องจากไตรมาส 4/54 มีการชะลอตัวของสินเชื่อเพราะผลกระทบน้ำท่วมทำให้การใช้จ่ายหยุดชะงัก ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่จะได้รับแรงกระตุ้นจากการซ่อมแซมหลังน้ำท่วมมากขึ้น ปัจจุบัน พอร์ตสินเชื่อของธนาคารเป็นสินเชื่อรายย่อยในสัดส่วน 75% ส่วนอีก 25% เป็นสินเชื่อขนาดกลางและใหญ่
ธนาคารยังมีเป้าหมายว่าหากเศรษฐกิจเติบโตได้ดีก็จะทำให้สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ปรับลดลง โดยตั้งเป้า NPL ในปี 55 เหลือ 1.2% จากสิ้นปี 54 อยู่ในระดับ 1.4%
นายสุทัศน์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ธนาคารมีแผนปรับลดสัดส่วนตั๋วบี/อี ให้เหลือ 20% จาก 70% ของเงินฝากทั้งหมด ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าจะระดมเงินฝากเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อ
สาเหตุในการลดสัดส่วนตั๋วบี/อีลง เนื่องจากการออกตั๋วบี/อีใหม่จะมีต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบมาจาก พ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่อาจจะมีการเรียกเก็บเงินนำส่งเพิ่มขึ้นจากฐานเงินฝากซึ่งรวมถึงตั๋วบี/อี ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเงินฝากและตั๋วบี/อีจะใกล้เคียงกัน นอกจากนี้มีแผนปรับโครงสร้างเงินฝากและเงินกู้เพื่อสามารถทำให้ต้นทุนสามารถแข่งขันได้
"เรายังมองว่าการเติบโตในปี 55 ยังดีอยู่แม้จะมีความผันผวนจากยุโรปแต่เราคงไม่ได้รับผลกระทบมาก ปีนี้เน้นเป้าการระดมเงินฝากเพิ่มขึ้น รวมทั้งการทำงานร่วมกันในกลุ่มทิสโก้"นายสุทัศน์ กล่าว
ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเป็นพรีเมี่ยมโบรกเกอร์ในระดับสากลด้วยการยกระดับการให้บริการและงานวิจัย ซึ่งกลุ่มลูกค้าสถาบันยังร่วมมือกับดอยช์แบงก์ในการพัฒนาธุรกิจในกลุ่มลูกค้าสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเน้นหาลูกค้ากลุ่มใหม่ในต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่นและออสเตรีเลีย
ขณะที่ลูกค้ากลุ่มนักลงทุนบุคคลรวมถึงรายย่อยในประเทศจะมีการเพิ่มให้บริการมากขึ้น โดยมีการให้บริการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นสิงคโปร์และฮ่องกง โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงเดือน ก.พ.55 เพื่อรองรับการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์
"งานวิจัยยังเป็นจุดเด่นของ บล.ทิสโก้ภายใต้การเปิดเสรี เราเน้นที่จะเพิ่มบริการมากกว่าราคาเพื่อแข่งขัน"นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้โต 10%จากที่มีรายได้กว่า 800 ล้านบาทในปี 54 โดยสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นการซื้อขายหุ้นในประเทศ 75% ต่างประเทศ 5% อนุพันธ์และ ETF 10% จากปีแล้วเป็นการซื้อขายหุ้น 90% TFEX 10% ทั้งนี้คาดว่าในปี 55 จะส่วนแบ่งตลาดของ บล.ทิสโก้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 3% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 2.6-2.7% ภายใต้เป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯจะอยู่ที่ 1,200 จุด