ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.3% ปิดที่ 255.85 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3321.50 จุด ลบ 7.44 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6404.39 จุด ลบ 11.87 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5728.55 จุด ลบ 12.60 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนแรงลงหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยเมื่อวันสุกร์ว่าว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แตะระดับ 4.61 ล้านยูนิตต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 4.65 ล้านยูนิต ขณะที่ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค.ร่วงลง 4.1% แตะที่ 657,000 ยูนิต/ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบางอย่างมาก
นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนยังคงมีท่าทีระมัดระวังในขณะที่กรีซและบรรดาธนาคารเจ้าหนี้ยังคงเจรจาเกี่ยวกับวิธีการลดหนี้สาธารณะของรัฐบาล โดยคาดว่าอาจมีการบรรลุข้อตกลงสวอปพันธบัตรในเร็วๆนี้ ซึ่งอาจช่วยป้องกันกรีซจากการผิดนัดชำระหนี้ที่จะสร้างความผันผวนในตลาดได้
หุ้นบีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 1 ของอังกฤษ ร่วงลง 3.1% หลังจากราคาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ร่วงลง ขณะที่หุ้นปิโตรแฟค ร่วงลง 4.3% หลังจากเจพีมอร์แกน ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว
หุ้นเมเยอร์ เบอร์เกอร์ เทคโนโลยี และหุ้นโซลาร์ เวิล์ด ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์แผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์ ดิ่งลง 6.6% หลังจากรัฐบาลของบางประเทศในยุโรปประกาศว่าจะลดการอุดหนุนอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์