(เพิ่มเติม) "กิตติรัตน์"ระบุไม่จำเป็นรีบขายหุ้นรสก.จนกว่าจะชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 23, 2012 15:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงแนวคิดการลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจว่า รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายที่จะขายหุ้นรัฐวิสาหกิจออกไป แต่เป็นการจัดระบบการถือครองหุ้นไปให้กองทุนวายุภักษ์ถือแทน ซึ่งปัจจุบันมีการถือครองหุ้นรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว และเกิดประโยชน์ต่อทั้งผู้ถือหน่วยลงทุนและภาครัฐ

"การดำเนินการครั้งนี้จึงไม่ได้มีการนำหุ้นรัฐวิสาหกิจขายทิ้งเพิ่อให้ผู้ที่อยู่ภายนอกหรือผู้อยู่นอกการกำกับดูแลของภาครัฐ"นายกิตติรัตน์ กล่าว

สำหรับการโอนหุ้นรัฐวิสากิจไปยังกองทุนวายุภักษ์ ไม่ใช้การตกแต่งบัญชี แต่เป็นการจัดหนี้สาธารณะให้เข้าที่เข้าทาง ซึ่งเป็นหลักการที่ดี และอยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการได้ และไม่ต้องเร่งรีบ หรือจำเป็นจะต้องให้เกิดภายในปี 55-56 แต่สามารถรอจนกว่าจะมีการชี้แจงทำความให้เข้าใจรอบด้านเสียก่อน

"ต้องชี้แจงจนเข้าใจว่าไม่มีการซุกซ่อนหนี้ แต่หากยังมีข้อสงสัยก็จะไม่ดำเนินการ เนื่องจากรัฐบาลยังมีช่องในการกู้หนี้เพิ่มได้อีก"นายกิตติรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นด้วยในการเปิดเสรีตลาดทุน และการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)

รมว.คลัง กล่าวภายหลังการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกระทรวงการคลังและมอบนโยบายให้ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลังว่า งานของกระทรวงการคลังมีความสำคัญกว้างขวางทั้งในด้านธุรกิจและการสนับสนุนด้านนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะมีการบูรณาการทำงานภายในและนอกกระทรวงทั้งโดยตรงและโดยอ้อมเป็นสำคัญ และไม่ต้องการให้เกิดข้อกังวลในการปรับเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งหากมีก็จะปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ

"คุณธีระชัยได้ดำเนินนโยบายของรัฐบาลด้วยความเข้มแข็งและมีความก้าวหน้าด้วยดี นโยบายการปรับสมดุลในการกระจายรายได้ การปับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล บ้านหลังแรก รถคันแรก มีความก้าวหน้า และพร้อมสานต่อไป แต่อาจมีนโยบายบางเรื่องที่เป็นสิทธิเฉพาะตัวของรัฐมนตรี และรมช. ซึ่งพร้อมรับฟังข้อแนะนำใดๆ จาก รมว.คลังคนเดิม หรืออดีตรมว.คลังท่านก่อนๆ หากเป็นประโยชน์จะนำมาหารือเพื่อดำเนินการตามคำแนะนำ"รมว.คลัง กล่าว

สำหรับการดูแลงานในส่วนของกระทรวงการคลังนั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า จะรับผิดชอบเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายที่เกี่ยวโยงกับกระทรวงอื่นๆ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่มีการทำงานเชื่อมโยงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม นโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คือการติดตามประคับประคองนโยบายต่างๆที่ดำเนินการมาแล้วอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีนโยบายใหม่ๆเพิ่มเติม รวมถึงการเร่งผลักดัน ร่าง พ.ร.ก.การเงินทั้ง 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเมื่อผ่านขั้นตอนตามกฎหมายแล้วจะต้องเริ่มปฎิบัติได้ทันที

ทั้งนี้ ยืนยันการจัดตั้งกองทุนประกันภัย 50,000 ล้านบาท มีความจำเป็นเพื่อทำหน้าที่ในการรับประกันภัยต่อ หลังจากบริษัทในประเทศที่รับประกันธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ไม่สามารถส่งการรับประกันภัยต่อให้ต่างประเทศได้ ซึ่งการรับประกันภัยธุรกิจขนาดใหญ่ มองว่าเป็นส่วนที่ทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก ส่วนธุรกิจขนาดกลางมองว่าเป็นธุรกิจที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ เช่นเดียวกับธุรกิจขนาดเล็ก

รมว.คลัง ยังกล่าวถึงการที่สมาคมธนาคารไทยออกแถลงการณ์โดยมองว่าการกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินส่งเพื่อแก้ปัญหาหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน รวมกับที่นำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 1% ของยอดเงินฝาก โดยให้ธนาคารต่างๆ รับภาระเพียงฝ่ายเดียว เป็นเรื่องไม่ยุติธรรม และจะเป็นผลเสียกับประเทศในระยะยาวว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ต้องส่งเงินเพิ่ม ซึ่งพยายามหาวิธีการที่หาวิธีส่งเงินเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝากเท่าเดิมที่ 0.4% ซึ่งรัฐบาลจะถอนการจัดเก็บเงินเข้าสถาบันประกันเงินฝากตั้งแต่ 31 ม.ค.55 หลังจากนั้น 1 ก.พ.55 ธปท.จะทำหน้าที่จัดเก็บ

"ทำไมทนความไม่ยุติธรรมมาได้ตั้งนาน เพราะที่ผ่านมาก็มีการจัดเก็บอยู่แล้ว ก็เคยไม่ยุติธรรม แต่ทำไมเพิ่งมาคิดตอนนี้ ผมได้พูดกับคุณชาติศิริ(ประธานสมาคมธนาคารไทย) ว่าอะไรที่ไม่ยุติธรรมจะช่วยดูช่วยคิด แต่จะไม่ปล่อยปละละเลย" รมว.คลัง กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ