บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มพลังงานได้ปัจจัยเอื้อจากกรณีคว่ำบาตรอิหร่าน แม้ว่ากรอบเวลาในการคว่ำบาตรจะเริ่มขึ้นวันที่ 1 ก.ค.ตามเวลาเดิมไม่ได้มีการพิจารณาให้เร็วขึ้นแต่อย่างใด แต่ในแง่ของจิตวิทยาการลงทุนถือว่าเป็นบวกในช่วงสั้น ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกและปิโตรเคมีมีแนวโน้มขยับกว้างขึ้นในช่วงสั้นนี้ เพราะถือว่าอิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบและปิโตรเคมีรายใหญ่ของโลก
พร้อมแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC)ให้ราคาเหมาะสม 78 บาท เนื่องจากผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศในกลุ่ม EU เมื่อคืนนี้ มีมติให้ยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป เพื่อกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นในรอบ 4 วัน หรือ +1.2% dod เป็น US$99.58/barrel จากความกังวลต่อภาวะอุปทานตึงตัว โดยปัจจุบันประเทศในกลุ่ม EU นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านราว 6 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือ คิดเป็น 1 ใน 4 ของปริมาณส่งออกน้ำมันของอิหร่านที่ 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
โดย คาดว่า PTTGC (PTTCH + PTTAR) ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ราคาปิโตรเคมีมีทิศทางปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และ PTTGC มีสัดส่วนรายได้จากปิโตรเคมีสายพาราไซลีน (PX) ค่อนข้างสูง ภายใต้สายการผลิตของ PTTAR ที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นได้ดี เนื่องจากโรงงาน PTA ในจีนมี Capacity เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในปีนี้ ดังนั้น จึงส่งผลให้ Demand ของ PX ที่เป็นวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ ความได้เปรียบด้านต้นทุน เพราะสายการผลิตของ PTTCH เป็น Gas Base จะส่งผลให้ Spread Margin ของ PTTGC เร่งตัวขึ้นได้ดีกว่าคู่แข่งในภูมิภาคที่เป็น Naphtha Base และได้ประโยชน์ค่อนข้างมาก ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวได้ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
วานนี้(23 ม.ค.)หุ้น PTTGC ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 0.25 บาท(-0.40%)