นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี26(KTSUPB26)ระหว่างวันที่ 26 ม.ค.-1 ก.พ.55 อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท
นโยบายกองทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝาก/ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย และตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ในสัดส่วน 35% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประกอบด้วย เงินฝากประจำ First Gulf Bank(FGB )ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 3 ในอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝากประจำ Union National Bank(UNB )ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐอาหรับแอมิเรตส์ ถือหุ้นใหญ่โดยองค์กรเพื่อการลงทุนของภาครัฐอาบูดาบี, เงินฝากประจำ Bank of China (สาขามาเก๊า) สกุล USD เป็นธนาคารภาครัฐถือหุ้นใหญ่โดยหน่วยงานเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน และใน MTN ของ ICBC Asia Ltd(ICBCA)ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ในฮ่องกงที่มี ICBC ธนาคารใหญ่อันดับหนึ่งของจีน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 100%
ทั้งนี้ เงินลงทุนในต่างประเทศจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.05% ต่อปี
พร้อมกันนั้น บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือนคุ้มครองเงินต้น 2 ( KTFIX3M2 ) เสนอขายถึงวันที่ 26 ม.ค.55 เป็นกองทุนประเภท Roll Over อายุโครงการ 3 เดือน ที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 57% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี
นายสมชัย กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในสัปดาห์นี้ตลาดการเงินรอผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 3.00% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีเริ่มมีผู้คาดการณ์ว่า กนง.อาจจะเลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรอดูข้อมูลทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศออกมาและภาวะตลาดการเงินในต่างประเทศช่วงที่ผ่านมา ถือว่าไม่เลวร้ายอย่างที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ แรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และการปรับขึ้นของราคาพลังงานอาจจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในอนาคต
สำหรับมุมมองฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย ยังคงการคาดการณ์ว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้ง และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.00% ไปถึงครึ่งหลังของปีนี้